ศาลปัตตานี เรียกจนท.ไต่สวน คุมตัวมิชอบตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่ผู้ที่ตกเป็นจำเลยในคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ออกมาแสดงเจตนารมณ์กับการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ขัดกับเจตนารมณ์ของ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) โดยหยิบยกกรณีของนายนิเซ๊ะ นิฮะ ที่ถูกควบคุมเมื่อวันที่ ๑๖ ก.ย. ๕๔ ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๐๕.๐๐ นาฬิกา มีเจ้าหน้าที่ทหารตรวจค้นบ้านนายนิเซ๊ะ นิฮะ ซึ่งเป็นพี่ชายของนายนิเซ็ง นิฮะ ผู้ร้องคัดค้าน บ้านเลขที่ ๓๒/๕ หมู่ที่ ๓ ตำบลตะลุโบะ อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี โดยมิได้แสดงหมายแต่อย่างใด และควบคุมตัวนายนิเซ๊ะ นิฮะ ไปยังค่ายทหารบริเวณโรงไฟฟ้าปัตตานี ถนนปัตตานี - ยะลา อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ต่อมาเวลาประมาณ ๐๙.๐๐ นาฬิกา เจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวนายนิเซะ นิฮะ ควบคุมตัวยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี และทำการซักถามโดยมิได้แจ้งว่าการควบคุมตัวและการซักถามดังกล่าวเป็นไปโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายใด ระหว่างการซักถามเจ้าหน้าที่สอบถามถึงประวัติส่วนตัวโดยมิได้มีการซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๔ เจ้าหน้าที่ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ค่ายอิงคยุทธบริหารฯแจ้งกับนายนิเซ๊ะ นิฮะ ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกะพ้อ อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี ยื่นคำร้องขอออกหมายควบคุมตัวตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยมิได้แจ้งว่าเหตุที่ขอออกหมายควบคุมตัวดังกล่าวเป็นไปด้วยความจำเป็นใด และในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๔ เจ้าหน้าที่ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์นำผลการซักถามให้ผู้ถูกควบคุมตัวลงลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าว โดยในเอกสารดังกล่าวผู้ถูกควบคุมตัวให้การปฏิเสธและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบใดๆที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น ต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการควบคุมตัวในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ และย้ายสถานที่ควบคุมตัวไปที่ศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดยะลา จึงเป็นการดำเนินการที่ซ้ำซ้อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การกระทำดังกล่าวขัดกับเจตนารมณ์ของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ " มาตรา ๑๑ (๑) ประกอบกับระเบียบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค ๔ ว่าด้วย วิธีปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ (เพิ่มเติมครั้งที่ ๓) ข้อ ๒ วรรค ๒ " ๓.๘ และตามคำแนะนำของประธานศาลฎีกา เกี่ยวกับการพิจารณาคำร้องขอจับกุมและควบคุมตัว พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ ข้อ ๖ ดังนั้นการควบคุมตัวนายนิเซ๊ะ นิฮะ ผู้ถูกควบคุมตัว จึงมิได้ดำเนินไปเพื่อประโยชน์แห่งความจำเป็นในการป้องกันมิให้บุคคลกระทำการหรือร่วมกระทำการใดๆ อันจะก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหรือเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการระงับเหตุร้ายแรงในพื้นที่ที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และยังเป็นการขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เป็นการกระทำซึ่งกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔ ทนายความจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมและผู้ร้องคัดค้านจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลจังหวัดปัตตานีมีคำสั่งไต่สวนคำร้องขอขยายระยะเวลาการควบคุมตัวต่อศาลจังหวัดปัตตานี โดยเรียกเจ้าหน้าที่ผู้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการควบคุมตัวและผู้ถูกควบคุมมาไต่สวน โดยอนุญาตให้ทนายความผู้ร้องคัดค้านทำการซักถามและนำพยานหลักฐานเข้าสืบในการไต่สวนด้วย และขอให้คำสั่งปล่อยตัวนายนิเซ๊ะ นิฮะ ไป เพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ดีของสังคมและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ภายหลังจากที่ผู้ร้องคัดค้านได้ยื่นคำร้องแล้วนั้น ศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนผู้ร้องและผู้ร้องคัดค้านแลนายนิเซ๊ะ นิฮะ ผู้ถูกควบคุมตัว ในวันวันพุธที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๓๐ นาฬิกา