ข้อเรียกร้องของเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้
เนื่องในช่วงวันสตรีสากลและวันสื่อทางเลือกชายแดนใต้
วันที่ 13 มีนาคม 2555
ณ คณะวิทยาการสื่อสาร ม.อ. ปัตตานี
8 ปี ของการเกิดสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นำไปสู่การเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนมากกว่า 13,000 คน ชี้ให้พวกเราได้ตระหนักแล้วว่า ความรุนแรงได้สร้างความสูญเสียและผลกระทบที่กว้างขวางสาหัสสากรรจ์จนยากต่อการเยียวยา เมื่อสามีหรือสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิต พิการ บาดเจ็บ จากเหตุรุนแรงรายวัน หรือถูกควบคุมตัว ถูกจับกุม คุมขังในคดีความมั่นคง ผู้หญิงซึ่งเป็นแม่ เป็นเมีย ที่อยู่กับบ้าน ต้องกลายเป็นผู้แบกรับภาระทั้งหมด ทั้งการดูแลลูกหลาน การหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว การต่อสู้คดีให้คนในครอบครัว ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เป็นภาระที่ หนักหน่วงเกินกว่าที่ผู้หญิงจะแบกรับได้โดยลำพัง
พวกเรา เครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ ในฐานะที่เป็นแม่ เป็นเมีย เป็นลูก ของผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรง ทั้งชาวมลายูมุสลิม และชาวพุทธ จึงขอวิงวอนต่อคู่ขัดแย้ง ทั้งฝ่ายรัฐ และฝ่ายที่ต่อต้านรัฐ ให้หันมาใช้แนวทางอื่น ที่ไม่ใช้อาวุธในการแก้ปัญหา เพื่อลดผลกระทบที่เกิดกับครอบครัวของประชาชนผู้บริสุทธิ์โดยทั่วไป รวมทั้งครอบครัวของเจ้าหน้าที่รัฐ และครอบครัวของฝ่ายที่ต่อต้านรัฐเองด้วย
หากในระยะแรก ยังไม่สามารถยุติการใช้ความรุนแรงต่อกันได้ ขอให้จำกัดขอบเขตและเป้าหมายการใช้อาวุธ โดยไม่กระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ หรือพลเรือน และยุติการก่อเหตุที่ใช้วัตถุระเบิด ซึ่งนำไปสู่การสังหาร และทำลายล้างชีวิตประชาชน โดยไม่เลือกเพศ เลือกวัย เช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้
พวกเรา เครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมฯ ขอเรียกร้องให้สื่อ ร่วมกันทำหน้าที่ในการอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้คนในประเทศได้เข้าใจถึงสาเหตุที่มา และความสลับซับซ้อนของสถานการณ์ มากกว่าการนำเสนอเพียงปรากฏการณ์รายวัน ขอให้เพิ่มพื้นที่การนำเสนอความเคลื่อนไหว ความคิดเห็นของผู้หญิง และภาคประชาสังคม รวมทั้งคนชายขอบ คนตัวเล็กตัวน้อยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไร้สิทธิ์ ไร้เสียง ไร้พื้นที่ของการสื่อสารสู่สังคมใหญ่ตลอดมา
ขอให้สื่อ ร่วมกันเป็นสื่อกลางของการสร้างสันติภาพ ที่อยู่บนพื้นฐานของการทำให้ความจริงและความเป็นธรรมปรากฏ ตลอดจนการทำให้คนในสังคม ได้เล็งเห็นถึงความงดงามของความแตกต่างหลากหลายทางความคิด ทางชาติพันธุ์ ภาษา อัตลักษณ์ และวัฒนธรรม ว่าทุกความแตกต่างนั้น สามารถมีพื้นที่ยืนอยู่ได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันในสังคมไทย