Skip to main content

เผยแพร่วันที่23พฤษภาคม2555

 
ญาติพลทหารวิเชียร ถูกครูฝึกซ้อมจนเสียชีวิตที่จังหวัดนราธิวาส
ยื่นฟ้องต้นสังกัดให้ชดใช้ค่าเสียหาย

 

พรุ่งนี้วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม 2555 เวลา 10.00 น. ที่ศาลแพ่ง  ( รัชดา ) ตัวแทนสภาทนายความและทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมรวมทั้งญาติพลทหารวิเชียร เผือกสม จะยื่นฟ้องกระทรวงกลาโหม กองทัพบกและสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีครูฝึกได้ลงโทษโดยการทรมานทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียร ในระหว่างการฝึกทหารใหม่ ที่หน่วยฝึกทหารใหม่ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาสจนเป็นเหตุให้พลทหารวิเชียรถึงแก่ความตาย

พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้เคยอุปสมบทเป็นพระภิกษุและศึกษาจนจบชั้นปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.)คณะพุทธศาสตร์ สาขาวิชาศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยผลการเรียนเกียตินิยมอันดับ1   และสำเร็จระดับปริญญาโทคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีผลการเรียนดีเยี่ยมแต่เนื่องจากตามราชบัญญัติรับราชการทหาร และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้กำหนดให้ชายไทยทุกคนมีหน้าที่ต้องรับราชการทหารทำให้พลทหารวิเชียรต้องลาสิกขาบทเพื่อสมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหารตามกฎหมาย และในวันที่1พฤษภาคม2554พลทหารวิเชียรได้สมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหารและเข้าฝึกที่หน่วยฝึกทหารใหม่ ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ต่อมาวันที่1มิถุนายน2554 เจ้าหน้าที่ทหาร 10 นาย ได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียร โดยทรมานและกระทำทารุณโหดร้าย โดยอ้างว่าพลทหารวิเชียร เผือกสม หลบหนีการฝึก ทำให้พลทหารวิเชียรได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นเวลากว่า3วันที่พลทหารวิเชียร ทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลที่ถูกทำร้าย จนกระทั่งในวันที่3มิถุนายน2554 ทางหน่วยทหารฯได้นำตัวพลทหารวิเชียร ไปที่โรงพยาบาลเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส แต่ทางโรงพยาบาลเห็นว่า พลทหารวิเชียร มีอาการบาดเจ็บสาหัสเกินขีดความสามารถของแพทย์ จึงได้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส และพลทหารวิเชียรได้เสียชีวิตในวันที่5 มิถุนายน2554 โดยสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากไตวายเฉียบพลันจากกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง 

นางสาว พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและที่ปรึกษาโครงการรณรงค์กฎหมายว่าด้วยการป้องกันการทรมาน   เห็นว่า“การกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียรจนเสียชีวิตดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มีความผิดทางอาญา และหน่วยงานต้นสังกัดต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนทางละเมิดแก่ผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 อีกทั้งการกระทำดังกล่าวยังเเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง”

เหตุการณ์ดังกล่าวนี้แม้ว่าจะมีการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมการของหน่วยงานต้นสังกัด การแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมทั้งการเยียวยาเบื้องต้นต่อครอบครัวไปแล้วก็ตาม หากแต่การดำเนินการเพื่อนำคนผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมในทางอาญายังมีความล่าช้ามีการส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปยังหน่วยงานอิสระคือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)และต่อมาเรื่องร้องเรียนได้โอนจากปปช.มายังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ  (ปปท.) ของกระทรวงยุติธรรมทำให้กระบวนการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนมีความล่าช้า อีกทั้งพลทหารวิเชียรเป็นผู้ที่ครอบครัวให้ความหวังว่าจะเป็นเสาหลักของครอบครัวภายหลังสำเร็จการศึกษา การฟ้องร้องคดีแพ่งในครั้งนี้เพื่อเป็นการเรียกร้องความเป็นธรรมและนำความจริงมาปรากฎในชั้นศาลถึงสาเหตุการเสียชีวิตและเรียกร้องให้หน่วยงานต้นสังกัดชดใช้ค่าเสียหายที่เหมาะสมการกระทำดังกล่าวเป็นทั้งความผิดทางอาญาและเป็นการละเมิดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีทั้งนี้ประเทศไทยได้เป็นรัฐภาคีอในอนุสัญญาฉบับดังกล่าวซึ่งมีผลให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีที่ให้ไว้ แต่การทรมานยังไม่เป็นความผิดอาญาในกฎหมายอาญาของประเทศไทยซึ่งต้องมีการแก้ไขให้สอดคล้องกับอนุสัญญาเรื่องการทรมานฉบับดังกล่าว ประกอบกับตามรัฐธรรมนูญปีพ.ศ.2550ได้รับรองสิทธิในชีวิตและร่างกายและห้ามไม่ให้มีการทรมานการกระทำที่เกิดขึ้นต่อพลทหารวิเชียรฯ จึงละเมิดสิทธิมนุษยชนในหน่วยงานราชการที่ต้องมีการแสวงหาหนทางแก้ไขในระดับองค์กรเพื่อป้องกันมิให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีกต่อประชาชนที่ต้องการรับใช้ชาติหรือถูกคัดเลือกให้รับการเกณฑ์ทหารในอนาคตอีกต่อไป