Skip to main content

เผยแพร่วันที่  19 มิถุนายน 2555

ประณามการโจมตีทหารในโรงเรียน เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้กำลังอาวุธ
รัฐต้องดำเนินเพื่อลดอาวุธในพื้นที่และต้องไม่ตั้งค่ายฯ ในโรงเรียน วัด
 

ตามข่าวศูนย์ข่าวอิศราระบุว่าเมื่อวันเสาร์ที่ 16 มิ.ย.2555 เวลาประมาณ 17.20 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ระเบิดขว้างแบบเอ็ม 67 ขว้างใส่กำลังพลชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยโรงเรียน กองร้อยทหารราบที่ 1413 หน่วยเฉพาะกิจยะลา 13 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ภายในโรงเรียนบ้านตะโละซูแม หมู่ 4 บ้านกีเยาะ ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา แรงระเบิดทำให้กำลังพลเสียชีวิต 3 นายและได้รับบาดเจ็บอีก 6 นาย แม้เป็นวันหยุดหากแต่โรงเรียนควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยและปลอดจากการใช้กำลังอาวุธเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองใดใดทุกเวลา และหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่จะต้องไม่ใช้พื้นที่สาธารณะของประชาชนเช่น โรงเรียน วัด เป็นสถานที่ตั้งเป็นค่ายทหารหรือหน่วยของกองกำลังติดอาวุธ

“ขอประนามการโจมตีทหารในบริเวณโรงเรียนซึ่งควรเป็นพื้นที่สาธารณะและมีความปลอดภัย ซึ่งอาจทำให้บุคคลการทางการศึกษาและนักเรียนตกเป็นเหยื่อได้รับผลกระทบในการต่อสู้ทางอาวุธ การที่กลุ่มติดอาวุธได้ใช้ความรุนแรงอย่างโหดร้ายโดยไม่ได้คำนึงถึงชีวิตและทรัพย์สินสาธารณะเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม” พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าว

ทางมูลนิธิฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียนายทหารที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ได้แก่ จ.ส.อ.ชวนากร วงศ์ตระ อายุ 44 ปี ส.ต.สมบัติ ไม้มะตาม อายุ 24 ปี ศูนย์ยะลา พลทหารอานนท์ หาญกิจอุดมสุข อายุ 24 ปี ผู้เสียชีวิตสามราย และ ส.ท.คมสันต์ ใจปินตา อายุ 26 ปี ส.ท.ณัฐพงษ์ เสือทะจิตร อายุ 30 ปี พลทหารเอกพล คำแดง อายุ 23 ปี พลทหารสหรัฐ ใจตั้ง อายุ 23 ปี พลทหารไพสิฐ จันทร์สุข อายุ 23 ปี พลทหารพิพัทร รัตนเสถียร อายุ 23 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 ราย

สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มายังคงตึงเครียดและมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นการประหัตประหารต่อกันด้วยกำลังอาวุธย่อมแสดงให้เห็นว่า พื้นที่ประชาธิปไตยและการเคารพในชีวิตมนุษยชนต่อกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ความขัดแย้ง การใช้กฎหมายพิเศษและการระดมกำลังกวาดล้างจับกุมอาจไม่ได้ส่งผลในการยับยั้งการก่อเหตุความรุนแรง 

การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางอาวุธนอกจากการเจรจาทางการเมืองที่ต้องดำเนินการต่อไป รัฐต้องใช้อำนาจรัฐทุกภาคส่วนในการดำเนินมาตราการลดปริมาณอาวุธทั้งอาวุธที่ผิดและถูกกฎหมายและการจำกัดการอนุญาตให้ประชาชนพกอาวุธ เนื่องจากอาวุธปืนขนาดเล็กและอาวุธสงครามขนาดเล็กกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความสูญเสียในชีวิตในการลอบสังหารรายวันต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐตลอดมา อีกทั้งหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่จะต้องไม่ใช้พื้นที่สาธารณะของประชาชนเช่น โรงเรียน วัด เป็นสถานที่ตั้งเป็นค่ายทหารหรือให้กองกำลังติดอาวุธของรัฐตั้งค่ายอยู่เป็นประจำเพื่อลดความเสี่ยงต่อการโจมตีต่อผู้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นเด็กเยาวชนและประชาชนทั่วไปที่ต้องใช้สถานที่ดังกล่าว เป็นต้น