ความสงบในเดือนรอมฎอนก็มีอยู่ไม่กี่วัน พื้นที่ความขัดแย้งในปาตานีก็กลับไปสู่สถานการณ์ “ปกติ” ที่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นเป็นประจำ
ตอนนี้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายก็ประณามกันว่า ฝ่ายตรงกันข้ามไม่เคารพข้อตกลงเดือนรอมฎอนสันติสุขที่ประกาศโดยตัวแทนรัฐบาลมาเลเซีย Datuk Seri Ahmad Zamzamin Hashim เราก็ไม่มีทางที่จะทราบว่า ข้อเทจจริงของปัญหาอยู่ที่ไหน แต่ที่แน่นอนก็คือ ทั้งสองฝ่ายส่งคำประณามไปถึงผู้อำนวยความสะดวกโดยยึดถึืือข้อตกลงเป็นพื้นฐานของการกระณาม
สถานการณ์นี้เสมือนห้องเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เมื่อเด็กชาย ก. แจ้งครูประำจำห้องให้ทราบว่า เพื่อนรวมห้องเรียนคนหนึ่ง เด็กชาย ข. ผิดกฎระเบียบโรงเรียน ทั้งๆ ที่เด็กชาย ก. เองก็ผิดกฎระเบียบโรงเรียนข้อเดียวกันก็ตาม (เราไม่สามารถกำหนดได้ว่า ฝ่ายไหนเป็นเด็กชาย ก. หรืออาจเป็นไปได้ว่า เด็กชาย ข. ก็ผิดกฎระเบียบจริงๆ)
ความแตกต่างระหว่างห้องเรียนกับสถานการณ์จริง คือ ในพื้นที่ความขัดแย้ง มีฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ไม่เคารพข้อตกลง ซึ่งก็คือ ประชาชนในพื้นที่
แน่นอนว่า เรื่องความรับผิดชอบ (ฝ่ายไหนละเมิดข้อตกลงก่อน) เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าสำหรับคนในพื้นที่คือ ทังสองฝ่ายยังมีความประสงค์ที่จะยึดถือข้อตกลงดังกล่าวหรือไม่
สำหรับตอนนี้ สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายควรทำไม่่่ใช่สลับคำประณามกัน แต่หาหนทางเพื่อปฏิบัติตัวทำข้อตกลง อย่าใช้ข้อตกลงเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างเดียว เพราะเดือนรอมฎอกก็ผ่่านไปแค่สิบกว่าวัน ยังมีช่วงเวลาที่ตกลงกันเกือนหนึ่งเดือน ผมมั่นใจว่า ทั้งสองฝ่ายควรแสดงท่าทีให้ชัดเชนว่า จะให้ความสำคัญต่อข้อตกลงหรือไม่ นี่คือความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย เพราะในสุดท้ายประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับผลกระทบ
ก่อนหน้านี้ ท่าที่ของรัฐบาลก็น่าผิดหวัง เพราะหลังจากมีการประกาศของ Datuk Seri Zamzamin ก็ไม่เคยแสดงท่าที่ชัดเจนต่อข้อตกลงว่า จะปฏิบัติตามหรือไม่ มีความพร้อมที่จะปฏิบัติแค่ไหน แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ย้อนความรับผิดชอบใส่แก่อีกฝ่ายหนึ่งอย่างเดียว
ไม่ต้องสงสัยว่า ตามคำประกาศนี้ ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตามข้อตกลง และมีความรับผิดชอบเท่าเทียมกัน แต่ฝ่ายสื่อหลายรายก็รายงานว่า นี่คือคำประกาศของทาง BRN อย่างเดียว ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง
การละเมิดข้อตกลง (โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย) ก็บ่งบอกถึงจุดอ่อนของกระบวนการสันติภาพที่ชาวบ้านยัังไม่มีส่วนรวม ทั้งๆ ที่ฝ่ายที่เป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คู่กรณีทั้งสองฝ่ายก็ต้องคำนึงถึงชีวิต (หมายถึง ทั้งชีวิตและการดำนเนินชีวิตอย่างสุขสบายของ) ของชาวบ้านเป็นหลัก ไม่ใช่ผลประโยชน์ทางการเมือง หรือการเสียหน้าของตัวเอง
ฝ่ายรัฐไทยก็ไม่จำเป็นต้องออกโรงประกาศเรื่องใดๆ นอกจากความพร้อมที่จะยึดถือข้อตกลง และให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ปฏิบัติตามข้อตกลง เพราะตามรายงานข่าวบ้างชิ้นการกระทำของเจ้าหน้าที่บางส่วนขัดกับข้อตกลง
ศูนยสรา
http://www.isranews.org/component/content/article/67/22523-บรรยากาศดีๆ-มันจบแล้ว-เสียงจากแนวร่วมก่อความไม่สงบใต้.htm
l
ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05EUXhOelV4Tnc9PQ%3D%3D§ionid
Datuk Seri Zamzamin ได้ประกาศข้อตกลงต่อหน้าสื่อมวลชนนานาชาติ การละเิมิดข้อตกลงก็จะกลายเป็นที่รู้จักกันในสังคมโลก ซึ่งทำให้ฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามจะเสียชื่อเสียง การกล่าวโทษอีกฝ่ายหนึ่งว่าไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ในขณะที่ฝ่ายของตัวเองก็ไม่ปฏิบัติก็เหมือนกันการกระทำของเด็กนักเรียน