กระบวนการสันติภาพเกิดขึ้นในหลายๆ กรณีทั่วโลก แต่เนื่องจากกระบวนการสันติภาพเป็นกระบวนการที่อ่อนไวและเปราะบาง ไม่มีกระบวนการสันติภาพที่ได้รับประโยชน์จากการสลับคำด่ากัน หรือการใส่ร้ายป้ายสีกัน
ตอนนี้มีคนจำนวนมากที่แชร์ภาพที่ประณามนายทหารนายหนึ่ง (ใส่ชุดสีดำ ถือปืนและยืนหน้า รร. แห่งหนึ่งใน จว. นราธิวาส) ที่ลงโพสต์ในเฟสบุ๊ก ซึ่งมีเนื้อหาดูถูกศาสนาอิสลาม
เมื่อเข้าไปดูเฟสของคนที่โพสต์ข้อความดังกล่าว มีโพสต์ต่างๆ ที่ยั่วยุอารมณ์ของคนในพื้นที่อีกมากมายด้วย ถ้าดูจากภาพที่นายทหารโพสต์ในเฟสบุ๊ก นายทหารท่านนี้เป็นหนึ่งในทหารพรานที่ประจำการอยู่ในพื้นที่สามจังหวัด ข้อความที่บุคคลนี้โพสต์ลงในเฟสบุ๊กนั้นขาดความเหมาะสมอย่างมากในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งน่าจะผิดวินัยทหารด้วย
การที่นายทหารที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ควาามขัดแย้งลงโพสต์เชิงยั่วยุ โดยไม่ให้เกียรติต่อชาวมลายูมิสลิมที่นับถืออิสลามเป็นปัญหาอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านี้คือ ไม่เคยมีหน่วยงานของรัฐที่พยายามจะรับมือเพื่อแก้ไขปัญหานี้
การกระทำเช่นนี้โดยเจ้าหน้าที่บางคนที่ขาดวินัย ไม่อาจจะส่งผลดีต่อกระบวนการสันติภาพที่กำลังเกิดขึ้น (คนที่โพสต์เองก็ด่ากระบวนการสันติภาพอย่างชัดเจน) มันจะผลักดันให้คนในพื้นที่มีความรู้สึกไม่ดีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย
ผมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ และพยายามแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ เพราะการที่มีเจ้าหน้าที่ที่มีความคิดเช่นนี้ ลงคอที่จะแสดงในพื้นที่เฟสบุ๊กนั้นแค่เป็นอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกคน ไม่่ว่าจะเป็นทหาร ทหารพรานหรือตำรวจ ต้องมีความเข้าใจบริบทของการต่อสู้ของกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ และต้องมีความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมในพื้นที่ืด้วย
ในขณะเดียวกัน คนที่ผลิตและแชร์ภาพดังกล่าว (ซึ่งในขณะนี้มีจำนวนมากกว่า 400 คน) ไม่ควรกระทำเช่นนี้ด้วย เพราะน่าจะผิดกฎหมายอาญาในการกระจายข้อมูลส่วนตัว ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่เอาภาพของนายทหารคนนี้โดยไม่ขออณุญาติจากเจ้าตัว ใช้ชื่อจริงของเขา และกระจายข้อมูลส่วนตัวนั้นทางเฟสบุ๊ก ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรในการแก้ไขปัญหานี้ สิ่งที่เราควรทำคือ เรียกร้องให้ฝ่ายรัฐจัดการปัญหานี้ ไม่ใช่แชร์ภาพที่น่าจะผิดกฎหมายตามกระแส
ขอให้ทุกฝ่ายศึกษาเรื่องกระบวนการสันติภาพ เพื่อตระหนักว่า ไม่มีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ยั่งยืนนอกจากกระบวนการสันติภาพ ทุกคนต้องเข้าใจด้วยว่าเพื่อให้กระบวนการสันติภาพประสบความสำเร็จ การสลับคำด่าและการใส่ร้ายป้ายสีกับก็แค่เป็นอุปสรรค ในทางกลับ สิ่งทีเราต้องทำก็คือ
- ให้เกียรติต่อเสรีภาพแสดงความคิดเห็นของผู้ือื่น และยอมรับว่า ทุกคนมีสิทธิเท่ากันในการแสดงความคิดเห็น
- แต่ทุกคนก็ต้องใช้เสรีภาพและสิทธินั้นด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม หลีกเลี่ยงการด่าและการใส่ร้ายป้ายสีกัน เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการสันติภาพ ในสุดท้ายจะกัดเซาะเสรีภาพนั้น
- มีส่วนรวมในการแสดงความคิดเห็นด้วยความรับผิดชอบ
- จัดโอกาสที่จะพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยใช้เวทีกลาง
การที่เล่นพรรคพวกและผลิตวาทกรรมซึ่งเป็นที่ยอมรับเฉพาะในวงพรรคพวกนั้นไม่สร้างประโยชน์อะไรเลย ถึงเวลา (นาน) แล้วเราต้องเปิดใจกว้างกว่านี้เพื่อรับฟังคนที่มีความคิดต่างกัน