กัลปังหาที่รอคอย
แสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องไปทั่วทุกสารทิศเพื่อแบ่งปันแสงสว่างให้มวลมนุษย์บนโลกได้ใช้เพื่อที่จะให้เกิดเส้นทางเดินให้กับตัวเอง ด้วยเส้นทางที่ทอดยาวไปข้างหน้าโดยปราศจากความมืดมน ความกลัว และความอ้างว้างในยามมืดมิด และคงจะเช่นเดียวกับฉันและพรรคพวกอีกสี่คนที่ต้องเดินทางในครั้งนี้ ต่างก็เสพสุขแสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังประตูหน้าต่างบนรถเมล์คันแดง
ถนนสายสันติภาพได้นำพาความกระหายในการเดินทางจากปัตตานีสู่ตัวเมืองยะลาเพื่อปฎิบัติภารกิจที่ได้วางแผน โดยรถเมล์เป็นตัวขับเคลื่อนทุกสัดส่วนของร่างกายให้ไปยังถึงจุดมุ่งหมายได้ แม้การเคลื่อนไหวของมันในครั้งนี้ จะใช้เวลานานพอสมควรแต่มันสามารถทำให้ใครต่อใครได้มีเวลาสูดอากาศจากลมภายนอกรถ และยังทำให้ต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆ หรือเรื่องอนาคตที่เขาจะต้องเผชิญในภายภาคหน้าได้ ซึ่งมันคงจะไม่แตกต่างอะไรจากฉันที่นั่งคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยและมั่นดูเวลาที่ข้อมือกลมๆ ที่ถูกประดับด้วยนาฬิกาเรือนดำ นาฬิกาเรือนนั้นมันไม่ต่างอะไรจากคนที่ฉันรักนักหรอก มันคอยตอกย้ำความรู้สึกและปฎิกิริยาของฉันตลอดเวลาให้มั่นใส่ใจในตัวของมัน
รอยย่นบนใบหน้าชายแก่ ผมงอกใต้หมวก รอยยิ้มที่ไร้ฟันหน้าทั้งบนและล่าง ได้กระตุกต่อมรอยยิ้มของฉัน ให้ยิ้มตอบ กับรอยยิ้มที่ส่งมา นับเป็นการทักทายแรกที่นำพาการสนทนาให้ถามถึงจุดหมายปลายทางถึงการเดินทางของเขา เขาสนทนาด้วยน้ำเสียงที่ปกติและเป็นธรรมชาติของชายวัยสูงอายุ แต่สุดแล้วสุดเล่าของการสร้างมิตรภาพไม่จบแค่เพียงการสนทนาด้วยน้ำเสียงที่ได้ยิน แต่ภายในใจฉันกลับร้อนรนกับการที่ต้องเอ่ยถามถึงคำถามที่ไม่ควรถามมากนัก แต่ด้วยความเป็นคนที่คิดอย่างไร ก็มักจะต้องเอยถามอย่างนั้น
"ตาเดินทางคนเดียวหรอ" เมื่อเอยคำถามที่ต้องการคำตอบที่หวังว่าคงจะไม่ทำร้ายหัวใจคนตอบสักเท่าไร
น้ำเสียงที่เป็นกันเองในการตอบคำถาม พลอยทำให้คนถามถึงกับโล่งอก
"ก็เดินทางคนเดียว หากมีเมียก็มากับเมียแล้วซิ" สิ้นเสียงคำตอบจากเขา หัวสมองก็โลดแล่น คิดไปเองว่า ตาจะน้อยใจใหม กับคำถามที่เราถามไป แต่ก็ทำได้เพียงแค่สงสัย ไม่กล้าที่จะเอยถามให้ได้ยิน
เว้ย เว้ย เว้ย ชิดใน ชิดในอีก! เสียงดังจากชายเสียงแหลมที่คอยแนะเบาะนั่งและที่ยืนให้ผู้โดยสารได้จับจองหลังจากเหยียบบันไดรถ ซึ่งการเคลื่อนไหวของมันเริ่มสะดุดบ่อยขึ้น เมื่อต้องจอดรับผู้โดยสารที่โบกมืออยู่ข้างทาง แต่การรับผู้โดยสารระหว่างทาง หลายคนทำให้มีเหตุต้องหยุดรถถี่ขึ้น จึงก่อให้เกิดเสียงภายในจิตใจที่เริ่มประท้วงถึงสภาพความเป็นอยู่ของเพื่อนรวมทางบนรถดังกล่าว สภาพบนรถตอนนี้คงไม่ต่างอะไรกับปลากระป๋องที่อัดแน่นกันจนรับรู้ถึงไออุ่นของอีกคนที่กระทบผิวหนังโดยผ่านเสื้อผ้าปกคลุมไว้ หรือแม้กระทั้งสภาพของผู้โดยสารที่อยู่ในตำแหน่งการห้อยโหน ซึ่งการห้อยโหนบนรถนี้ จะไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดเพศ และไม่จำกัดจำนวนคนที่จะอยู่ในตำแหน่งห้อยโหนนั้น ถึงแม้ว่าสภาพการห้อยโหนของผู้โดยสารจะหนาแน่นสักเพียงใดแต่ก็ไม่วายที่ต้องมีการจอดรถทุกเมื่อที่มือคนโบก หรือแม้กระทั้งหน้าที่ของกระเป๋ารถเมล์เองก็จะต้องห้อยโหน ด้วยมือต้องจับประตูริมบันได แล้วปล่อยครึ่งตัวอยู่บนรถ อีกครึ่งตัวสัมผัสกับบรรยากาศนอกรถ และคงจะเป็นภาพที่ชินตาสำหรับผู้ที่ต้องการใช้บริการจากรถเมล์
"พอแล้ว พอแล้ว ไม่มีที่ยืนแล้ว เด่" เสียงบ่นภาษามลายูที่ดังมาจากด้านหลังรถ ทำให้ฉันเผลอกลับไปมอง นับเป็นภาพที่ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว เว้นแต่เพียง การปาดเหงื่อของชายผู้สูงอายุ และการย่อเข่าของน้องนักเรียนที่ห้อยโหนอยู่บนรถ โดยส่วนตัวคิดว่า ทั้งสองคงจะเมื่อยและร้อนจากบรรยากาศและสภาพการอัดแน่นของผู้โดยสารด้วยกันเอง แต่ความอัดแน่น ความร้อน ความเมื่อย พร้อมด้วยใบหน้าที่อ่อนล้า นับเป็นบรรยากาศที่ฉันและเพื่อน กำลังเผชิญอยู่ ณ ตอนนี้ แต่ยังคงน้อยไป หากเทียบกับเธอ และ เขา ที่ต้องห้อยโหนบนรถที่ไม่มีท่าทีว่าจะนั่งได้
" เฮ้อ พ่อฉันก็เคยตกจากรถ เพราะห้อยโหนแบบนี้นั้นแหละ" เสียงถอนหายใจจากเพื่อนหลังเกริ่นนำถึงเรื่องที่เธอต้องการจะเล่า คำอธิบายจากผู้เป็นพ่อส่งมายังลูกสาวที่สามารถบอกกล่าวถึงเหตุการณ์ให้ผู้อื่นฟังได้อย่างเห็นภาพในมโนความคิด เธอได้เล่าถึงเหตุการณ์อย่างตั้งใจ และประกอบกับสีหน้าที่ดูจริงจัง ทำให้ผู้ฟังอย่างฉันต้องคล้อยตามในสิ่งที่เธอเล่า
"เธอเล่าว่า ผู้เป็นพ่อตกจากรถแล้วโดนลาก ซึ่งคนที่อยู่ในบริเวณนั้นเห็นแล้วตะโกนบอกคนขับรถ แต่คนขับกลับไม่ได้ยิน แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นกลับทำให้ผู้เป็นพ่อมีแผลเตือนความจำมาจนถึงปัจจุบัน "
การเล่าของเธอจบด้วยใบหน้าที่วิตกกังวล พลอยทำให้ฉันต้องเพิ่มเรื่องพูดคุยถึง ปัญหาที่จะเกิดขึ้น หากมีคนตกจากรถใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ยิ่งเฉพาะเด็กนักเรียนที่เลิกเรียนแล้วต่างแห่ขึ้นรถกันหลายๆคนจนบางครั้งต้องห้อยโหนริมบันไดโดยไม่นึกถึงอุบัติเหตุที่จะเกิด
หรือการอัดแน่น การห้อยโหนบนรถเมล์ของผู้โดยสารบนรถเป็นความต้องการของเจ้าของรถหรือเป็นความต้องการของผู้โดยสารเสียเองที่ยอมจะขึ้น แม้จะตกอยู่ในสภาพใดก็ตาม