ไม่น่าเชื่อว่า....แค่สมุดเล่มเล็กๆเล่มหนึ่ง
จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนสองคนได้ถึงเพียงนี้
กะรุสนานี เป็นผู้หญิงที่สูญเสียสามีจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ที่สภอ.ตากใบ เธอเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมอบรมเยียวยาตากใบ เธอรับอาสาทำหน้าที่คอยติดต่อประสานงานกับสมาชิกในกลุ่ม เพื่อความสะดวกในการติดต่อหากัน ทางกลุ่มได้จัดทำสมุดโทรศัพท์เล็กๆ ซึ่งประกอบด้วยรายชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ของผู้เข้าร่วมและคณะทำงานทุกคน
เจ้าสมุดโทรศัพท์เล่มเล็กๆนี่แหล่ะ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อจู่ๆในคืนหนึ่ง ก็มีเบอร์แปลกโทรหาเธอ เมื่อรับโทรศัพท์ ก็ปรากฏว่าเป็นเสียงผู้ชาย เธอตกใจและถามด้วยเสียงไม่พอใจว่าจะคุยกับใคร ผู้ชายคนนั้นก็รีบตอบทันทีว่า ขอคุยกับ “รุสนานี” กะรุสนานีไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัย รีบถามต่อทันทีด้วยความไม่สบอารมณ์และไม่ไว้วางใจว่า ได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอจากไหน และในใจก็อดอคติไม่ได้ว่า ผู้ชายคนนี้ต้องโทรมากวนใจเธออย่างแน่นอน เขาตอบว่า “ผมได้เบอร์ของคุณจากสมุดโทรศัพท์สีเหลือง ผมเจอที่โรงแรม ที่ผมทำงานอยู่ อยากรู้จักก็เลยโทรมา” ถึงเขาจะตอบยังงั้น แต่กะรุสนานี ก็ยังไม่ไว้ใจและคิดว่า เขาอาจจะโกหกก็ได้
หลังจากนั้นผู้ชายคนนี้ก็ไม่ย่อท้อ พยายามตื้อโทรหากะรุสนานี หลายครั้ง จนเธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้จริงใจ และจริงจังกับเธอดี หลังจากคุยทำความรู้จักกันประมาณ 2-3 เดือนฝ่ายชายก็นัดเจอกัน ที่เมืองนราธิวาส ประจวบเหมาะกับกะรุสนานีเองก็ต้องไปประชุมที่นั่นแล้วด้วย
นาทีแรกที่กะรุสนานี เห็น ชายคนนี้ เธอตกใจมาก เพราะเขาหน้าตาดี ผิวขาว ในใจก็แอบคิดว่า เธอคงไม่เหมาะกับเขา เพราะเธออายุมากกว่า แถมยังเป็นหญิงหม้ายลูกติดอีกต่างหาก ชายหนุ่มหน้าตาดี และนิสัยอย่างนี้เหรอ จะยอมตกลงใช้ชีวิตคู่กับเธอได้ แต่ด้วยความดีและอารมณ์ดีของเธอ ฝ่ายชายก็ตัดสินใจขอเธอแต่งงานในที่สุด
ข่าวการแต่งงานของเธอ และเรื่องราวการพบเจอของเขาทั้งสอง นับเป็นเรื่องแปลกสำหรับบรรดาเพื่อน ๆ ของเธอรวมทั้งคณะทำงานเยียวยาด้วย
เมื่อครั้งที่เธอนัดเจอกับเพื่อนๆ หัวข้อสนทนานั้นก็หนีไม่พ้นที่จะพูดแซวกัน เพี่อนของเธอคนหนึ่งพูดแบบติดตลกว่า “ทำไม๊ ทำไม ..ผู้ชายคนนี้ถึงไม่โทรหาฉันแทนน่ะ” ในขณะที่คณะทำงานอีกคนอาการหนักยิ่งกว่าอีก พูดเป็นนัยเสียดายว่า “เอ้ ทำไม๊ ทำไม ผู้ชายคนนี้ถึงไม่เห็นเบอร์ของฉันก่อน เพราะเบอร์ฉันเขียนไว้หน้าแรกสุดเลย” ต่างคนก็พูดแซวกันไปแซวกันมาอย่างสนุกสนาน
หลายคนคงจะสงสัยว่า เหตุใดอยู่ดีๆ ชายคนนี้จึงคิด กดเบอร์โทรหากะ รุสนานี คำตอบก็คือว่า “รุสนานี” เป็นชื่อแฟนเก่าของเขานั่นเอง ซึ่งเมื่อเขาเห็นชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ ก็เลยลองโทรหาดูเผื่อว่าอาจจะเป็นแฟนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่กว่าจะโทรหาก็คิดทบทวนอยู่ 4-5 เดือน
อย่างไรก็ตาม ความรักที่ก่อขึ้นมานี้ ก็เพราะเนื้อคู่ที่พระองค์อัลลอฮได้กำหนดไว้แล้ว หรือถ้าของไทยพุทธก็จะบอกว่า พรหมลิขิต ได้กำหนดไว้
แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ที่ผู้ชายคนนี้แต่งงานกับเธอเพราะอยากได้เงินของเธอหรือเปล่า ซึ่งเธอได้รับเงินชดเชยจากการฟ้องคดีแพ่งกว่าหนึ่งล้านบาท แต่กะรุสนานีบอกด้วยเสียงที่ประทับใจพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มอย่างอาย ๆ ว่า
“เขารักครอบครัวของกะนานีมาก สังเกตได้จากการที่เขาดูแลและให้ความรักกับลูกของเธอเหมือนลูกเขาเอง จนตอนนี้ลูกสาวของเธอซึ่งเรียนอยู่ระดับมัธยมต้นก็รัก และยอมรับเป็นพ่อ จากที่ช่วงแรก ลูกสาวคนโตไม่ยอมคุยกับแม่ และโกรธที่แม่แต่งงานใหม่”
หากจะว่าไปแล้ว ชายคนนี้สามารถที่จะเลือกหญิงอื่นที่เหมาะสมกับเขา แต่ด้วยความรักและความดีของทั้งสอง ทำให้ได้มาเป็นเนื้อคู่และใช้ชีวิตที่เอื้อเฟื้อ และประคับประคองกันและกัน ผู้เขียนขอชื่นชมชายคนนี้ด้วยความจริงใจ ที่ตัดสินใจแต่งงานกับกะรุสนานี ซึ่งเป็นหญิงหม้ายลูกติด อันเป็นภาระที่หนักสำหรับผู้หญิงที่ต้องดูแลครอบครัวตามลำพังกับแผลใจที่ติดตราตรึงอยู่ในใจอย่างยากที่จะลืมเรื่องราวเลวร้ายในชีวิตของเธอได้ ทั้งนี้ในอิสลามส่งเสริมอย่างยิ่ง ให้สังคมดูแลหญิงหม้ายและเด็กกำพร้า ซึ่งเขาได้เลือกทำตามที่ศาสนาสนับสนุนให้กระทำด้วยความเต็มใจ...