Skip to main content

กองบรรณาธิการสำนักข่าวอามาน
http://voicepeace.org 

พล.อ.ชวลิต  ย้ำแนวคิด ‘นครปัตตานี’ อีกรอบ ชี้อาจเป็นปกครองส่วนท้องถิ่น ซัด 6 ปี ใช้แต่มาตรการทางทหาร โชว์ไอเดีย "นูซันตารา” ฟื้นความยิ่งใหญ่นครปัตตานี ยันต้องเอาระเบียงเมกกะกลับมา ชู วัดช้างไห้ –กรือเซะ-ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเป็นLandmark โวไม่ใช่เรื่องยาก ฉุนคนหาว่าพูดจาไม่รู้เรื่อง ตอกกลับมืออย่างตนแก้มา 100 เรื่อง จะไปอธิบายให้คนไม่รู้เรื่องฟังทำไม  

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พล.อ.ชวลิต  ยงใจยุทธ  ประธานพรรคเพื่อไทย  ได้แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง  "แนวคิดนครปัตตานี"   ในงานเสวนา  "นครปัตตานี...ทางออกในวาระ  6  ปีไฟใต้?"  จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย  เมื่อวันที่  2  ธันวาคม  2552  โดย  พล.อ.ชวลิตกล่าวตอนหนึ่งว่า  ความขัดแย้งในภาคใต้เป็นภาพจำลองของความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้ ส่วนเรื่องนครปัตตานีเป็นเรื่องที่ได้เสนอมานานแล้วหลายปี   จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนที่กองพันทหารพัฒนาที่   4  เมื่อวันที่  4  มกราคม  2547  จึงได้มีการนำแนวคิดนี้กลับมาเสนออีกครั้ง 

"เพราะสถานการณ์ใน   3  จังหวัดชายแดนภาคใต้  เป็นภาพจำลองใหญ่ที่เกิดในบ้านเมืองที่มีสถานการณ์สร้างความหนักใจ  หลายเรื่องล้วนเป็นความขัดแย้งในสังคม  ซึ่งต้องเข้าใจว่าความขัดแย้งนี้ไม่ได้เพิ่งเกิด   แต่เกิดมา   77   ปี  ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  มีคณะราษฎรยึดอำนาจการปกครองในปี  2475  ตั้งแต่วันนั้นบ้านเมืองก็มีความขัดแย้งในรูปแบบต่างๆ  ตามมาเป็นลำดับ"  พล.อ.ชวลิตกล่าว 

พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า  ความขัดแย้งในการต่อสู้  แก้ไขปัญหาทางด้านการเมือง  เราได้รุกทางด้านการเมืองหรือไม่  ในอดีตที่ผ่านมาใช้มาตรการทางทหาร  เชื่อว่ามาตรการทางทหารจะนำไปสู่ความสำเร็จใน  3  จังหวัดชายแดนใต้  แต่ผ่านมา  6  ปีแล้ว  จนเริ่มมีการพูดกัน   ทำไมไม่ใช้มาตรการทางด้านการเมือง  บางคนว่าได้ทำไปแล้ว  ถามว่าคืออะไร  คือเอาเงินลงไปพัฒนาเศรษฐกิจ  ไปมุ่งกันตรงนั้นจนสับสน   ความจริงการแก้ปัญหานั้นแก้ได้ง่ายๆ  คือต้องทำให้เป็นประชาธิปไตย 

อดีตนายกฯ   กล่าวว่า   ตนเคยเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง  3  ข้อ  1.ยุทธศาสตร์ดอกไม้หลากสี  ให้คนไทยตระหนักว่าสังคมไทยประกอบด้วยคนหลายชาติพันธุ์มารวมกัน   แต่ละชนเผ่าก็มีประเพณีของตนเอง  เมื่อมารวมกันก็เหมือนดอกไม้หลากสีในช่อเดียว   คือความงดงาม  เพราะไม่ปฏิบัติยุทธศาสตร์นี้อย่างจริงจัง  ทำให้คนไทยยังไม่เข้าใจสถานการณ์ใน  3  จังหวัดชายแดนใต้ 

2.ถอยคนละ  3  ก้าว  ให้มีพื้นที่  จะได้หันมาพูดจาด้วยความเข้าใจ   อโหสิกันได้  โดยให้เกียรติกับคนที่เรจะพูดจา  3.ยุทธศาสตร์ที่เป็นหัวใจคือสร้างความเป็นประชาธิปไตยให้เขามีอำนาจในการปกครองตนเอง  ให้อธิปไตยในโครงสร้างพื้นฐาน  เช่น  ศาสนา  วัฒนธรรม  การศึกษา   ซึ่งเขามีขีดความสามารถในการดำเนินงานได้   เชื่อผมเถอะ  ถ้าแก้อะไรไม่ได้  ต้องให้พี่น้องประชาชนเขามีส่วนร่วมแก้ปัญหาเอง 

ประธานพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า  แนวคิดนครปัตตานีนั้นอาจเป็นรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่น   เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบเขียนข้อเสนอ   3  ข้อ  คือ  1.ขออยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   2.เอาสังคมภูมิบุตร  ที่เคยอยู่กันมาเป็นพันๆ  ปี  มีไทยพุทธ  ไทยมุสลิม  ไทยจีน  มาอยู่ร่วมกัน  3.ขอดูแลตนเองภายใต้กรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  แต่เราได้เสนอแนวคิดนครปัตตานี  จึงเป็นเรื่องธรรมดา  

"มีคนบอกว่า  พล.อ.ชวลิตพูดไม่รู้เรื่อง  ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไร   เรื่องอะไรจะบอก  มืออย่างผมแก้ปัญหามา  100  เรื่อง  จะไปอธิบายให้คนที่ไม่รู้เรื่องทำไม" 

พล.อ.ชวลิตอธิบายว่า   นครรัฐปัตตานีคือต้องให้พี่น้องได้คิดเอง  อย่างน้อยเขาจะได้ดูว่าเป็นอย่างไร  การไม่รู้จะเจรจากับใครนั้น  ไม่จริงเลย  เพราะคนก่อการอยู่ในพื้นที่  ชาวบ้านเขารู้ว่าใครเป็นใคร   เขาจะตกลงกันเองว่าเขาจะเอาอย่างไร  เราชอบไปคิดแทนเขา  เช่นเดียวกับปัญหาระดับชาติ  แทนที่จะให้คนที่ขัดแย้งมาพูดกันเอง  จึงจะสำเร็จ  คงเข้าใจที่เราไม่พูดไป  เพราะต้องการให้พี่น้องคิดกันเอง  พูดกันเอง  ไม่ใช่ผมพูดไม่รู้เรื่อง  การจะก้าวข้ามไปตรงนี้ได้  ความขัดแย้งในลักษณะนี้จะแก้ไขปัญหาต้องแก้ที่ใครจะเข้าใจถึงคำว่า  Heart and Mind คือเราต้องให้เกียรติเขา เคารพความคิดของพี่น้องในพื้นที่ 

"ข้อเสนอการแก้ไขนั้น   หัวใจอยู่ที่ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน   ต้องรู้ปัญหาคืออะไร   ตีให้แตก   ค่อยมาพิจารณาว่าจะบริหารราชการแผ่นดินอย่างไรให้สำเร็จเป็นข้อสุดท้าย  หัวใจของปัญหามันไม่ใช่ตรงนั้น  บางคนบอกว่าต้องเป็นศูนย์ราชการใหญ่   นั่นก็ไม่สนใจพี่น้องประชาชน  ขอบคุณที่หลายคนออกมาให้ความเห็น  ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายมีเจตนาบริสุทธิ์  นอกจากข้อเสนอนครรัฐปัตตานี  ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ผมได้เสนอไป  นั่นคือ  นูซันตารา  ผมแปลเอาว่าความยิ่งใหญ่ของนครปัตตานีในภูมิภาคแห่งนี้" 

นอกจากนี้  พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า   ในอดีตนครปัตตานีเคยเป็นระเบียงเมกกะ   ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้   โดยต้องสถาปนาให้ได้ในยุคนี้  เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้เขา  จึงเรียกว่า Mind  and  Heart   แต่การจะเป็น  "นูซันตารา"  คือพื้นที่ที่ยิ่งใหญ่เหมือน  Landmark  ที่ประกอบด้วยวัดช้างไห้  มัสยิดขนาดใหญ่   และศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว  นี่คือสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่  เป็นการรวมกันของสังคมภูมิบุตร  เอาคำว่าระเบียงเมกกะกลับมาให้ได้  ต่อไปพลังของพี่น้องประชาชนที่จะมารวมตัวกันให้เจริญ  จะได้มาดูว่าจะเก็บภาษีอย่างไร  จะเก็บอะไรๆ  ได้  ตามรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่น  ข้อเสนอเหล่านี้ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย