Skip to main content

 

เมื่อวันศุกร์ ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2557 เวลา 20.30 น. ที่ ฐานปฏิบัติการ กองร้อยทหารพรานที่ 4916  ตั้งอยู่บ้านไอร์กือเนาะ ม.5 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ ด.ช.มูฮัมหมัดอาซูวัน สอเหาะ อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/10 ม.3 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส

 

เพื่อนของผู้เสียชีวิต

 

เด็กและเยาวชนที่อยู่ในเหตุการณ์มีอายุตั้งแต่ 12-18 ปี  จำนวน 7 คน ซึ่งเป็นเพื่อนของ ด.ช.มูฮำหมัดอาซูวัน สอเหาะ หรือเพื่อนๆ เรียกว่าวัง) (ผู้เสียชีวิต) เล่าว่า วันเกิดเหตุพวกเขาอยู่ด้วยกันที่ร้านน้ำชา สักพักผู้เสียชีวิต ก็ชวนไปขับรถเล่นที่หมู่บ้านละขี่มอเตอร์ไซต์ไปกัน 5 คัน 8 คน ผู้เสียชีวิตขี่คนเดียว ส่วนที่เหลือก็ซ้อนท้ายกัน ขี่มอเตอร์ไซต์ถึงหัวสะพานก่อนถึงด่านตรวจของค่ายทหารพรานก็ได้ยินเสียงปืนนัดแรกมาจากค่ายทหารพราน

 

“ปัง !!”  1 นัด

 

พวกเขาก็เลยตัดสินใจเลี้ยวกลับ ได้ยินเสียงนัดถัดไปดังรัว....ตามหลังนานมาก รู้สึกได้ถึงความร้อนของลูกกระสุนที่ผ่านร่างไป มีไฟกระพริบเชี่ยวผ่านตัว ผ่านหัว หลายนัด

 

ขณะนั้นรถของวังล้ม เพื่อนๆ นึกว่าวังล้มมอเตอร์ไซค์ปรกติ จึงตัดสินใจเลี้ยวรถไปดู และเรียกชื่ออยู่สักพัก แต่วังก็ไม่ยอมลุก จึงตัดสินใจรีบกลับไปบอกญาติ ว่า วัง  รถล้ม ไม่รู้สึกตัวตอนนั้นเพื่อน ๆ ยังไม่รู้ว่า วังโดนยิง

 

เพื่อไปบอกญาติ ญาติสั่งให้ไปดูอีกครั้ง พอไปถึงก็ยังเห็น “วัง” นอนอยู่สภาพเดิม หัวก้มลงกับพื้นหญ้า มือกุดอยู่ใต้ท้อง ไปดูใกล้ๆ เขย่าเรียกแต่ไม่ตื่น จึงจับที่หัว ปรากฏว่าเลือดติดที่มือ จึงคิดวังอาจถูกยิง และคิดว่าวังเสียชีวิตแล้ว จึงรีบกลับไปบอกญาติทันทีว่า

 

“วังถูกทหารยิง เสียชีวิตแล้ว”

 

หลังจากนั้นพวกเขาจึงตามผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยไปดู  พอไปถึงที่เกิดเหตุ ทหารก็กั้นพื้นที่ห้ามเข้าในที่เกิดเหตุ    จากเหตุการณ์นี้เด็กและกลุ่มเยาวชนกลุ่มนี้ บอกว่า

 

“เห็นทหารแล้วรู้สึกตัวสั่น กลัว ....ไม่อยากเข้าใกล้อีก !!!”

 

ญาติผู้เสียชีวิต

 

นายมูดอ บากาอาลี น้าชายของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ในวันเกิดเหตุตนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนของหลาน บอกว่าหลานถูกทหารยิง จึงรีบไปที่เกิดเหตุตอนประมาณ 21.00 น.  ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารกั้นพื้นที่หมดแล้วและไม่อนุญาตให้เข้าไปรับศพ ต่อมาตนจึงไปรับศพที่โรงพยาบาล เวลา 01.30 น.

 

นายมูดอ บากาอาลี  เล่าอีกว่า ที่บ้านมีฐานะยากจน ผู้เสียชีวิตเป็นบุตรชายคนแรก มีพี่น้องทั้งทั้งหมด 3 คน น้องคนกลาง อายุ 13 ปี คนเล็กอายุ 12  ปี ส่วนบิดากับมารดาทำงานรับจ้างทั่วไป ไม่สามารถส่งลูกเรียนได้ จึงพาลูก ๆไปที่ทำงานมาเลเซียกับมารดา ส่วนบิดา กำลังหางานในตัวเมืองนราธิวาส  ผู้เสียชีวิตก็ทำงานรับจ้างเช่นเดียวกัน (ซึ่งทำงานกับอาและตามอาไปทุกที)    บางทีรับจ้างขึ้นลองกองบ้าง ขึ้นต้นทุเรียนบ้าง  กรีดยางบ้าง  ปีนี้เป็นปีแรกที่ผู้เสียชีวิตได้กลับบ้าน อยู่ประมาณ 5 เดือนแล้ว

 

 “การตายเป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนด แต่การเสียชีวิตดังกล่าวเกิดจากการที่มีผู้อื่นมาทำให้เสียชีวิต มันไม่ยุติธรรม ทำให้เสียชีวิตแล้ว ยังติดข้อกล่าวหาอีก  ประชาชนอย่างเราจะทำอะไรได้อีก !  กลายเป็นที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นครอบครัวโจรใต้ โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวไม่มีความเป็นธรรมในการนำเสนอเพราะยังไม่ได้มาตรวจสอบและพิสูจน์อะไร”   น้าชายกล่าว

           

ด้านการเยียวยานั้นนายนายมูดอ บากาอาลีกล่าวว่ายังไม่มีความคืบหน้า แต่ทางเจ้าหน้าที่อำเภอบอกว่ารออีกหนึ่งเดือนจะแจ้งผลมาให้ทราบอีกครั้ง