อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน ออกหากินร่าเริงแจ่มใส เราเบิกบานรีบมาเร็วไว
ยิ้มรับวันใหม่ยิ้มให้แก่กัน
เนื้อเพลงข้างต้นยังคงเปิดฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อเติมความสดชื่นให้กับบรรดาผู้ที่ได้ยินเพลงนี้ และเช้าวันใหม่ก็คงจะไม่แตกต่างจากวันที่ผ่านมาที่มีการพบเจอสิ่งใหม่ๆหรือสิ่งเดิมๆ จำเจไม่แปรเปลี่ยน
เช้าวันที่ 29 บรรดาบัณฑิตใหม่ป้ายแดงคณะหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัยต่างเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับสิ่งที่ท้าทายอีกครั้งในชีวิตที่เรียกว่า การรับใบปริญญา
ซ้าย ขวา ชิด ซ้าย ขวา ชิด ซ้าย ขวา ทอดสายบัว ซ้าย ขวา ชิด รับ !
คาถาประจำวันซ้อมรับใบปริญญาเริ่มเข้ามาแทนที่ความคิดอื่นที่กำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ เพราะเวลา ณ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ ต้องท่อง ต้องฝึก เพื่อให้ได้มาซึ่งความถูกต้องในการรับใบปริญญาที่ถูกตามแบบแผนที่ถูกวางไว้ อีกทั้งการฝึกครั้งนี้ใช่เพียงจะต้องท่องและเดินด้วยเท้าเปล่าเท่านั้น เพราะสำหรับคุณผู้หญิงที่เคยใช้ชีวิตคุณหนู หรือคุณผู้หญิงที่ชำนาญการกับการเดินรองเท้าแตะที่ใช้ตามห้องน้ำ ก็ต้องมาฝึกเดินด้วยรองเท้าส้นสูง ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เท้าจะต้อง บวม แดง ตามๆกัน
ทุกอย่างผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่ากับการฝึกตั้งแต่การกระดกมือรับงาน การเดินโดยไม่ให้ผิดตามสโลแกน ซ้าย ขวา ชิด ยังดำเนินต่อไป แต่วินาทีนั้นสามารถสังเกตและแอบฟังคนข้างๆบ่นว่า หากที่บ้านฉันไม่ให้รับ ฉันก็ไม่รับแล้ว นี่ คนที่บ้านให้รับ ฉันก็ยอมรับปริญญา เพื่อรอยยิ้มของพวกเขา
สีหน้าที่ซีดบวกกับกลิ่นของแอร์และความเย็นของห้องประชุมใหญ่ ที่หาดใหญ่ ทำให้บัณฑิตที่ตัดสินใจรับปริญญาต้องเผชิญกับการเรียนรู้ที่เป็นพิธีการตั้งแต่การเดินและการรับงาน หากพูดถึงพิธีการตั้งแต่ช่วงแรกจนถึงช่วงสุดท้ายก็นับเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านการเรียนรู้ แม้ว่าบางครั้งอาจจะทำให้หงุดหงิด หรือ เหนื่อยล้า หลับในบ้างแต่เมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือผลพลอยได้ที่ได้จากการเข้ารับปริญญาบัตรในครั้งนี้
ต่อไปนี้ข้าพเจ้าของอนุญาตอธิบายสิ่งที่ค้างคาใจและเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยสงสัยก่อนที่จะเข้ารับปริญญาบัตร
ว่าด้วยเรื่องการละหมาด
การละหมาดนับเป็นเสาหลักของศาสนาอิสลามที่มุสลิมทุกคนต้องปฎิบัติซึ่งช่วงเวลาของบัณฑิตที่เข้าหอประชุมตั้งแต่เวลา 11.00 โมงแล้วเวลาเสร็จกระบวนการทุกอย่าง เวลาประมาณ 17.30น. แล้วจะมีการบริการของรถมหาวิทยาลัยไปส่ง ณ จุดต่างๆในมหาวิทยาลัย และเวลาช่วงนี้สามารถบวก ลบ คูณ หารกันแล้วคงจะยังไม่ถึง หกโมง ก็สามารถวิ่งเข้าไปห้องน้ำล้างเครื่องสำอางที่หนาเหมือนปูนซีเมนต์ออกทัน(สำหรับคุณผู้หญิง) เวลาก็คงจะไม่เกินครึ่งชั่วโมงในการชำระใบหน้าและอาบน้ำละหมาดเพื่อไปปฎิบัติศาสนกิจ ถือว่ายังทันกับการวิ่งไปหาสถานที่ละหมาดได้
ทุกอย่างอยู่ที่การบริหารเวลาของแต่ละคนและอยู่ที่การให้ความสำคัญของแต่ละคน ทุกอย่างก็จะทันเวลา หากเราไม่ไปแชว๊ปถ่ายรูปกับบรรดามิตรสหายเสียก่อน
ว่าด้วยเรื่อง เครื่องสำอางบนใบหน้า
หลายคนก็คงเคยสงสัยเหมือนฉันว่าทำไม พอถึงวันรับปริญญาบรรดาสาวๆต่างใส่เครื่องสำอางมีทั้งสีแดง ส้ม เขียว เต็มไปหมดบนใบหน้า มิหนำซ้ำบางคนอาจจะใส่ขนตาปลอม อะไร ทำไม ถึงต้องทุ่มเทขนาดนั้น เรื่องนี้ฉันก็สงสัยก่อนหน้าที่รับปริญญาจนได้มาประสบด้วยตนเองคือ เคยโยนคำถามว่า ทำไมเราต้องแต่งหน้าเข้ารับปริญญาบัตรด้วย คำตอบที่เหมือนจะโดนใจและกระแทกหัวใจ ได้มาว่า แล้วมึงอยากสวยใหมล่ะ หากมึงอยากสวย นั่นคือคำตอบ ก็คงจะเหมือนสุภาษิตไทยที่ว่า ไก่งามเพราะขน ขนงามเพราะแต่ง
ว่าด้วยเรื่อง กระโปรงวันรับปริญญาบัตร
มุสลิมมะฮ์(บัณฑิตที่เป็นมุสลิม)ทุกคนเมื่อคิดจะแต่งกายแล้ว จะต้องแต่งกายให้มิดชิดไม่เปิดส่วนที่เป็นส่วนต้องห้ามถือว่าเป็นข้อปฎิบัติของมุสลิมมะฮ์ทุกคนแล้วที่ควรรับรู้ ซึ่งวันรับปริญญาบัตร หลายต่อหลายคนนับว่าต้องชื่นชมเพราะกระโปรงก็ยาวเท่าที่ควร และหลายต่อหลายคนก็เปิดขาอ่อนโชว์กันให้เห็น
ฉันได้มีโอกาสก็เข้ารับปริญญาบัตรในปีนี้ ก็พอทราบข้อเท็จจริงว่า การใส่กระโปรงของมุสลิมมะฮ์สามารถใส่กระโปรงยาวได้ เพียงอย่าให้เลยตาตุ่ม อาจด้วยเป็นความโชคดีของฉันที่ทางคณะที่เรียนได้ชี้แจงให้มุสลิมมะฮ์สามารถใส่กระโปรงยาวได้ จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิตกกังวลมากหนัก แต่ข้อมูลอีกส่วนหนึ่งก็ได้ยินมาว่า ทางคณะที่เพื่อนเรียนบังคับให้เห็นขาครึ่งหนึ่งเพื่อสะดวกต่อการรับปริญญาบัตร ข้อมูลนี้ก็นำมาพูดในวงต่อว่า หรือว่า อยู่ที่แต่ละคณะที่มีการอนุญาตการใส่กระโปรงยาวมากน้อยเพียงใด ทุกอย่างอยู่ที่การเจรจาและการดำเนินการของบรรดาบัณฑิตกับคณาจารย์เพียงเท่านั้น