กองบรรณาธิการ สำนักสื่อ WARTANI
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 เวลา 09.00 น. ศาลปัตตานีได้นัดฟัง คำสั่งศาล หลังจากการไต่สวนการตายคดีอับดุลอาซิ สาและ หรือ ที่เรียกกันว่าคดีวิสามัญบ้านน้ำดำ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ผลเป็นไปตามที่คาด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีความผิด
จากเหตุปิดล้อมเมื่อ วันที่ 15 เดือนตุลาคม พ.ศ.2556 ในพื้นที่บ้านน้ำดำ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตสามราย และหนึ่งในนั้น คือ นายอับดุลอาซิ สาและ ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ หลังจากไต่สวนมานาน วันนี้ศาลปัตตานีอ่านคำสั่งในที่สุด ว่าอับดุลอาซิถูกเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ยิงตายเช่นเดียวกับผู้ตายอีกสองคน
โดยในคำสั่งไต่สวนการตายที่ออกมา 21 หน้าในวันนี้นั้น ศาลระบุถึงคำให้การของพยานฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่กล่าวถึงเหตุการณ์ว่า ในวันที่เกิดเหตุปะทะกัน หลังจากที่มีการยิงปะทะกับผู้มีอาวุธอีกสองคน เจ้าหน้าที่ได้ให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ใกล้เคียงบ้านที่เป็นเหตุปะทะ ให้ไปรวมกลุ่มกันอีกที่หนึ่ง แล้วนำตัวนายอับดุลอาซิให้พาเข้าค้นบ้านที่น่าสงสัยอีกสี่บ้าน
ที่บ้านหลังที่สี่ เจ้าหน้าที่ให้การว่า นายอับดุลอาซิได้เข้าไปในครัว เปิดไฟ และหยิบปืนออกมายิงเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นถูกเจ้าหน้าที่ยิงล้ม หลังจากลุกขึ้นได้ก็วิ่งหนีเข้าไปในป่าบริเวณหลังบ้าน เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งจึงนำกำลังตามเข้าไป เกิดการยิงต่อสู้กันและนายอับดุลอาซิเสียชีวิต
ในคำสั่งไต่สวนของศาลระบุด้วยถึงการให้การของพยานฝ่ายญาตินายอับดุลอาซิว่า ในวันเกิดเหตุ หลังจากที่เจ้าหน้าที่นำตัวอับดุลอาซิไปช่วยพาเข้าตรวจค้นบ้านน่าสงสัยแล้ว ญาติๆไม่พบตัวนายอับดุลอาซิอีกเลยแม้เมื่อเจ้าหน้าที่กลับไปแล้ว กว่าจะมารู้ว่าเสียชีวิตก็เมื่อเวลาสองทุ่มหลังจากที่มีผู้ไปบอกว่า มีศพผู้เสียชีวิตอีกหนึ่งศพอยู่ที่โรงพยาบาล
ด้านนายสากิมัน เบญจเดชา ทนายความของญาตินายอับดุลอาซิอธิบายเพิ่มเติมว่า คำสั่งศาลดังกล่าวซึ่งระบุว่า นายอับดุลอาซิและผู้ตายอีกสองคนเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่นั้น มีนัยแสดงว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องลงมือเพื่อป้องกันตัวเอง
หลังจากที่อ่านคำสั่งไต่สวนเรียบร้อยแล้ว ผู้พิพากษาได้กล่าวกับญาตินายอับดุลอาซิว่า สำหรับเรื่องคดีอาญานั้นให้ญาติต้องรอติดตามจากผู้เกี่ยวข้องในเรื่องคดีอาญาต่อไป ซึ่งเรื่องนี้นายสากิมันกล่าวภายหลังว่า การจะดำเนินคดีอาญาหรือสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่หรือไม่ เป็นการตัดสินใจของอัยการ แต่เท่าที่เคยมีประสบการณ์ส่วนตัวในการทำคดีมา เมื่อมีคำสั่งไต่สวนการตายออกมาเช่นนี้ ยังไม่เคยเห็นอัยการสั่งฟ้องแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ทางทนายและญาติของนายอับดุลอาซิจะหารือเรื่องคดีนี้ถึงวิธีการในการต่อสู้ทางคดีต่อไป แต่สำหรับการไต่สวนการตายนั้นถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว
อนึ่ง ก่อนหน้าที่ศาลจะไต่สวนการตาย ญาติของผู้ตายได้ไปร้องเรียนที่มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี เพื่อขอให้มูลนิธิช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม เนื่องจากติดใจเรื่องการตายของนายอัลดุลอาซิ และมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วพบว่า กรณีการตายของนายอับดุลอาซิ สาและ นั้นเป็นคนละเหตุการณ์และคนละช่วงเวลากับการเสียชีวิตของผู้ตายสองคน
เอกสารแจ้งข่าวของมูลนิธิระบุว่า ตามที่สื่อมวลชนรายงานว่า ตายจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ มีข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้ว่า ในขณะเกิดเหตุ ผู้ตายอยู่ร่วมกับนางแยนะ สะอะ มารดาหลังกลับจากไปงานบุญในหมู่บ้าน ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ตายเพื่อไปทำการตรวจค้นที่บ้านอีกหลังหนึ่ง หลังจากนั้นญาติของผู้ตายได้ทราบว่า ผู้ตายเสียชีวิตในป่าสวนยางบริเวณเดียวกันกับสองศพที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว ประเด็นสำคัญ คือกระบวนการชันสูตรพลิกศพ ไม่เปิดโอกาสให้ญาติของผู้ตายได้มีส่วนร่วม ทั้งที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ไม่ปรากฏว่ามีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบสภาพศพ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการและบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการชันสูตรพลิกศพ
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
http://www.prachatai.com/journal/2013/10/49374