Skip to main content

อับดุลเลาะ วันอะฮ์หมัด - ผู้แปล

กัวลากรัย (KUALA KRAI) 29/12/14; เสมือนโดนสึนามิ ภาพที่เห็นคือสถานการณ์ในเมืองแห่งนี้หลังจากที่ต้องประสบกับอุทกภัยน้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่แล้ว (23/12/14)

ซากปรากหักพังที่เกิดจากภัยพิบัติครั้งนี้ สามารถดูได้ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วเมืองแห่งนี้ และคงไม่ผิดนักหากจะพูดว่า มีเพียงที่อยู่อาศัย 15% ของพื้นที่เท่านั้น ที่ไม่ได้รับผลกระทบ

สถานการณ์โดยทั่วไปในเมืองแห่งนี้ โดยเฉพาะที่มาแนะอูรัย (Manek Urai) ช่างสลดใจยิ่งนัก และประชาชนส่วนใหญ่ต่างตกอยู่ในอาการเศร้าสลดหลังจากหวนกลับไปยังที่อยู่อาศัยของตนเอง

วันนี้เส้นทางไปยังเมืองแห่งนี้จากโกตาบารูเริ่มมีการเปิดใช้แล้ว รวมไปถึงยานพาหนะขนาดเล็ก ซึ่งทำให้แลดูวุ่นว่ายคับคั่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งประชาชนต่างถือโอกาสออกไปหาเสบียงโดยเฉพาะจำพวกเชื้อเพลิง

การเดินทางของทีมงานอูตูซันมาเลเซียเริ่มที่เมืองกูชิล(Guchil) ซึ่งเกือบจะทั้งหมดของบ้านเรือนในพื้นที่แห่งนี้ ได้รับความเสียหายและที่พังทลายไม่เหลือซาก ยกเว้นบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนที่สูง

และที่กูชิล4 ได้พบบ้านหลังหนึ่งที่ถูกพัดพาไปกับกระแสน้ำและไปติดอยู่กับอีกบ้านหลังหนึ่ง

เจ้าของบ้านดังกล่าว ราฮิม อิสมาอีล อายุ 58 ปี เปิดเผยว่า เขาได้รับทราบถึงสภาพบ้านก็ต่อเมื่อหลังจากที่น้ำได้ลดลงแล้วประมาณตอนเย็นของเมื่อวาน

ราฮิมกล่าวว่า “บ้านของผมตั้งอยู่ห่างจากบ้านของลูกประมาณ 10 เมตร แต่ว่าหลังจากกลับมาดูก็พบว่าบ้านของผมกลับไปติดอยู่บนบ้านของลูก

ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าบ้านของผมจะถูกพัดไปอย่างที่เห็น จากที่ดูสภาพแล้วน้ำน่าจะขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ด้วยกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก เขาทำงานเป็นผู้ใช้แรงงาน เขาและครอบครัวคงจะไม่อพยพไปที่อื่นอย่างแน่นอน เพราะที่นี่คือถิ่นอาศัยของพวกเขานับตั้งแต่เมื่อ 14 ปีที่แล้ว”ราฮิมกล่าวกับทีมงานอูตูซันมาเลเซีย

ในขณะที่ เจ๊ะฮาซัน เจ๊ะอับดุลลอฮ อายุ 57 ปี กล่าวว่า “น้ำได้ไหลมาราวกับคลื่นยักษ์ที่ได้ถาโถมบ้านเรือนไปบางส่วนและอีกสี่หลังที่ถนนฮาลีมะฮ์กูชิล1

เจ๊ะฮาซัน เปิดเผยต่อไปว่า เขาได้รู้ตัวว่ากระแสน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลบ่าอย่างแรงจากทางทิศของแม่น้ำกลันตันที่อยู่ห่างออกไปราว 1  กิโลเมตร จากบริเวณที่ตั้งของบ้านเรือนนั้น ประมาณตี 5.30 เช้าของวันอังคาร

“ฉันเห็นกระแสน้ำที่ทั้งสูงทั้งใหญ่ได้ไหลมา ฉันก็ได้ปลุกเพื่อนบ้านเพื่อความปลอดภัยในชีวิต หลังจากนั้นเพียงห้านาที น้ำก็ได้พัดกระหน่ำบางส่วนของบ้านและหลังอื่นอีกสี่หลังได้รับความเสียหาย

น้ำที่ได้พัดพาก้อนหินจากรางรถไฟนั้น ก็ได้ทำให้ถนนหน้าบ้านของผมถูกตัดขาดไปด้วย ซึ่งหลังจากที่น้ำขึ้นเขาอดทนจนกระทั่งน้ำลด” เจ๊ะฮาซัน กล่าว

ในขณะเดียวกัน ตลอดช่วงของการเดินทางในเมืองแห่งนี้สู่เขตมาแนะอูรัย จะพบกับสภาพที่ค่อนเลวร้ายยิ่งนัก และประชาชนต่างอพยพกลับไปยังบ้านของตนเองเพื่อปัดกวาดทำความสะอาดบ้านเรือนของตน พร้อมกับการตรวจเช็คสภาพสิ่งของที่ยังพอจะใช้ได้อีก

 

 แปลจากลิ้งข่าว : http://www.utusan.com.my/berita/nahas-bencana/kuala-krai-bagaikan-diland...