Skip to main content

บทความจาก รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน

ธนาคารเลือด (Blood Bank) หรือธนาคารที่เก็บรักษาเลือดจากผู้บริจาคไว้รอเปลี่ยนถ่ายให้แก่ผู้ป่วยหรือ ผู้บาดเจ็บที่ต้องการเลือด พวกเรารู้จักดีกันอยู่แล้ว ธนาคารอวัยวะ (Organ Bank) ซึ่งเป็นธนาคารที่เก็บรักษาอวัยวะชนิดต่างๆที่มีผู้บริจาคไว้เพื่อรอเปลี่ยนถ่ายให้กับผู้ป่วยที่ประสงค์จะได้รับอวัยวะเพื่อทดแทนอวัยวะของตนเอง พวกเราก็รู้จักกันดีอีกเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ไม่น่าจะมีใครรู้จักธนาคารอุจจาระ (Stool Bank หรือ Feces Bank) ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อรอการเปลี่ยนถ่ายอุจจาระให้แก่ผู้ป่วยที่ต้องการอุจจาระใหม่อย่างแน่นอน อาจไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีธนาคารพิเรนทร์ลักษณะนี้อยู่ในโลก

         พวกเราส่วนใหญ่คงไม่เคยคิดว่าปัจจุบันอุจจาระของคนปกติที่ไม่มีปัญหาโรคทางเดินอาหารเลย ไม่กินยาปฏิชีวนะที่ทำลายสุขภาพของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่จะกลายเป็นสินทรัพย์ไปได้ ใครจะไปคิดว่าอุจจาระที่คนส่วนใหญ่มองว่าแทบไม่มีค่าอะไรเลยนอกจากจะมีบางหน่วยงานเท่านั้นที่นำเอาไปทำปุ๋ย ถึงวันหนึ่งจะกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล อาจเป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าในอนาคตอุจจาระจะกลายเป็นสินค้าที่คนบางคนนำเอาไปขาย เหมือนที่มีบางคนเที่ยวเร่ขายเลือดหรืออวัยวะกันในวันนี้ อะไรที่ไม่เคยเชื่อเห็นทีจะเชื่อได้แล้วว่าเรื่องอย่างนี้มันมีทางที่จะเป็นไปได้จริงๆ

 

         ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่ามีอะไรดีในอุจจาระจึงทำให้มีคนคิดตั้งธนาคารอุจจาระขึ้นมาเหมือนธนาคารอวัยวะยังไงยังงั้น ครั้งที่สอนหนังสือวิชาทางด้านสรีระวิทยาโภชนาการ ผมถามนิสิตที่เรียนอยู่บ่อยๆว่าอุจจาระของคนเราประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เกือบร้อยละร้อยจะตอบว่าเนื้ออุจจาระส่วนใหญ่คือใยอาหารที่มาจากอาหารที่ร่างกายย่อยไม่ได้ทำให้ต้องขับออกมากับอุจจาระ นอกจากนิสิตนักศึกษาจะเข้าใจอย่างนั้นแล้วคนทั่วไปมักตอบในลักษณะเดียวกัน สรุปเอาเป็นว่ามีคนน้อยมากที่รู้ว่าในเนื้ออุจจาระนั้นส่วนใหญ่คือมวลแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ไม่ใช่ใยอาหารอย่างที่เคยเข้าใจกัน

         ร่างกายของมนุษย์เราเป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิต เกือบพันชนิด มีอยู่ประมาณ 400 ชนิดที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ทั้ง 400 ชนิดที่ว่านี้แต่ละชนิดมีปริมาณมหาศาลนับเป็นจำนวนเซลล์รวมกันแล้วได้ มากกว่าเซลล์ของร่างกายถึงสิบเท่าหรือมีกว่าร้อยล้านล้านเซลล์ อาศัยในร่างกายมนุษย์ในลักษณะพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่ว่านี้เรียกกันในชื่อรวมๆว่านอร์มอลฟลอร่าบางครั้ง เรียกกันว่า “โปรไบโอติกส์” (Probiotics) อาศัยในกระเพาะอาหารเจริญเติบโตด้วยเศษอาหารที่เหลือจากระบบย่อยอาหารใน กระเพาะและสำไส้เล็ก เกือบทั้งหมดเป็นกากใยจากอาหารที่ร่างกายมนุษย์ย่อยไม่ได้ กากใยเหล่านี้มีอยู่ส่วนหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นใยอาหารชนิดละลายน้ำกับบาง ส่วนที่เป็นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ โดยใยอาหารเหล่านี้จะเป็นอาหารให้กับแบคทีเรีย เมื่อแบคทีเรียย่อยใยอาหารแล้วก็ถ่ายของเสียที่เป็นกรดตัวเล็กๆที่เป็น ประโยชน์ต่อสุขภาพของทางเดินอาหาร

         แบคทีเรียพวกโปรไบโอติกส์เจริญเติบโตได้รวดเร็ว หลายส่วนตายลงทิ้งซากทับถมไว้รวมกับบางส่วนที่ไม่ตายต่างถูกขับออกจากร่างกายกลายเป็นมวลอุจจาระ แบคทีเรียเหล่านี้นอกจากจะสร้างอุจจาระที่ทำให้ระบบขับถ่ายของมนุษย์ทำงานดีขึ้นแล้วมันยังทำหน้าที่ต้านทานโรคที่เกิดจากแบคทีเรียหรือไวรัสชนิดก่อโรค เป็นระบบต้านทานโรคที่สำคัญมากในร่างกายมนุษย์ แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ส่วนที่ยังมีชีวิตและถูกขับออกมากับอุจจาระจึงมีคุณค่า มหาศาลกระทั่งถูกจัดให้เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่สามารถเปลี่ยนถ่ายให้กับคน อื่นๆที่มีปัญหาขาดแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ เรื่องราวของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่จึงเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น

         นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ยุคใหม่ๆ พบว่าผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยมีปัญหาความผิดปกติ ในระบบทางเดินอาหารมีความเสี่ยงต่อมะเร็งทางเดินอาหาร ผู้ป่วยบางกลุ่มเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วนรวมทั้งโรคอีกหลายโรค วิธีการรักษาง่ายๆคือนำเอาแบคทีเรียจากลำไส้ใหญ่ของคนปกติเปลี่ยนถ่ายเข้าไป ในลำไส้ใหญ่ของผู้ป่วยเพียงเท่านี้ผู้ป่วยก็มีอาการดีขึ้นได้แล้ว เป็นความรู้ใหม่ทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นมาได้เมื่อต้นศตวรรษที่ 21 นี้เอง

         บริษัท OpenBiome (OB) ตั้งสำนักงานอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสสาชูเส็ตต์ สหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญทางด้านแบคทีเรียลำไส้ใหญ่ รู้ว่าชนิดไหนทำหน้าที่อะไร กลุ่มไหนให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ทาง OB สะสมแบคทีเรียจากอุจจาระของผู้บริจาคนำมาเพาะเลี้ยงสร้างประชากรแบคทีเรีย ที่มีคุณภาพจากนั้นจึงจำหน่ายไปยังโรงพยาบาลที่ต้องการเปลี่ยนถ่ายแบคทีเรีย ลำไส้ใหญ่ให้กับผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ ติดเชื้อ Clostridium Difficile ที่รุนแรงถึงขนาดคร่าชีวิตได้

         สามเดือนนับแต่เดือนกันยายน 2013 ถึงเดือนธันวาคม 2013 ทาง OB ส่งตัวอย่างแบคทีเรียแช่แข็งจำนวน 135 ตัวอย่างให้กับ 13 โรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกาช่วยชีวิตผู้ป่วยด้วยโรคแบคทีเรียที่ว่านั้นด้วยการ เปลี่ยนถ่ายแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่เรียกกันว่า poop transplant ไปแล้วนับร้อยราย ในสหรัฐอเมริกาแต่ละปีมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคจากแบคทีเรีย Clostridium Difficile ประมาณ 14,000 ราย การศึกษาในปี 2011 พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับแบคทีเรียหรือโปรไบโอติกส์ผสมที่สะอาดในรูปแคปซูลหรือ โดยการเปลี่ยนถ่ายโดยการเพาะโดยตรงเข้าในลำไส้ใหญ่สามารถรอดชีวิตไม่น้อย กว่าร้อยละ 92 นับว่าได้ผลจริงๆ

         ไม่นานมานี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือเอฟดีเอของสหรัฐอเมริกา อนุญาตให้ OB ผลิตยาแคปซูลที่ผลิตขึ้นจากแบคทีเรียลำไส้ใหญ่ของคนที่มีสุขภาพดีออกวาง จำหน่ายในรูปของยาแล้ว มีคนทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตามหากจะว่าไปแล้วเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะญี่ปุ่นพัฒนานมเปรี้ยวที่มีแบคทีเรียจากอุจจาระของคนญี่ปุ่นวางจำหน่าย มานานกว่าสี่สิบปีแล้ว เพียงแต่แบคทีเรียกลุ่มใหม่จาก OB มีพัฒนาการสูงขึ้นไปอีกหลายขั้น ให้ประโยชน์ทางด้านการรักษาผู้ป่วยมากกว่านมเปรี้ยวของญี่ปุ่นหลายเท่า

         มาถึงวันนี้ใครจะไปเชื่อว่าคนเราต้องมานั่งกินอุจจาระของคนอื่นในรูปของยา เพื่อรักษาสุขภาพทางเดินอาหารของตนเอง แม้ไม่อยากจะเชื่อแต่ขอให้ทราบเถิดว่าเรื่องเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว และธนาคารอุจจาระอย่างที่บอกก็เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆในสหรัฐอเมริกา เป็นธนาคารอุจจาระแห่งแรกในโลก