เครือข่ายนูซันตาราเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา(NUSANTARA)
เมื่อวันที่ 10-11 มกราคม 2558 ทางเครือข่ายนูซันตาราเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ได้จัดโครงการสานสัมพันธ์บ้านเด็กกำพร้า ซึ่งเป็นกิจกรรมเยี่ยมเด็กๆตามโรงเรียนที่ทางเครือข่ายนูซันตาราฯ ให้ทุนการศึกษาแก่เด็กกำพร้าและยากจน ที่โรงเรียนสุทธิศาสตร์วิทยา ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา และโรงเรียนมูลนิธิชุมชนอิสลามศึกษา ม.5 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
นายมูฮำหมัดอาลาดี เด็งนิ ประธานเครือข่ายฯ กล่าวว่า “ ทุกวันนี้จำนวนเด็กกำพร้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้นทุกวัน และไม่มีทีท่าว่าจะสามารถหยุดตัวเลขความสูญเสียได้เลย การทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนต่อเด็กกำพร้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยองค์ภาคประชาสังคมจึงต้องรีบเร่งในการเพิ่มทั้งปริมาณและคุณภาพในการช่วยเหลือดูแลเด็กกลุ่มนี้ ท่ามกลางความท้าทายที่หลากหลายในพื้นที่ที่คนทำงานต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านงบประมาณที่มีจำกัด ความอดทนอดกลั้นต่อข้อจำกัดที่เกิดจากกฎหมายพิเศษ อีกทั้งยังต้องสร้างความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่กับประชาชน เพื่อให้มีความเชื่อมั่นและไว้ใจต่อองค์กรภาคประชาสังคมที่เคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน” นายมูฮำหมัดอาลาดี เด็งนิ กล่าว
ด้าน น.ส.อาซียะห์ ตาเยะ เจ้าหน้าที่ภาคสนาม กล่าวถึงรูปแบบการจัดโครงการครั้งนี้ว่า “จริงๆแล้ว พันธะกิจในการให้ความช่วยเหลือทางด้านสิทธิมนุษยชนนั้น ทางเครือข่ายนูซันตาราฯ มีโครงการหลัก ที่ทำอยู่แล้ว คือการรับอุปการะเด็กกำพร้าและยากจน โดยการให้ทุนการศึกษา และส่งเสียเล่าเรียนหนังสือ ส่วนโครงการสานสัมพันธ์บ้านเด็กกำพร้า เป็นการไปเยี่ยมเด็กๆตามโรงเรียนที่เด็กๆเรียนอยู่ มีกิจกรรมพูดคุยแลกเปลี่ยนกับอาจารย์ที่ปรึกษา ฝ่ายวิชาการโรงเรียนและฝ่ายปกครอง เพื่อพูดคุยประเด็นในการช่วยเหลือดูแลเด็กนักเรียนร่วมกัน ทั้งนี้ทางเราได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนในการช่วยดูแลเด็กกำพร้าเป็นอย่างดี อีกกิจกรรมหนึ่ง คือการพูดคุยเสริมสร้างกำลังใจให้เด็กๆซึ่งเด็กๆต่างดีใจกันมากที่พี่ๆไปเยี่ยม ในการพูดคุยกับเด็กๆเราสามารถเห็นได้ชัดว่าเด็กๆยังมีความอาย ไม่กล้าแสดงออกหรือแสดงความคิดเห็นออกมาสักเท่าไร” น.ส.อาซียะห์ ตาเยะ กล่าว
นายมูฮำหมัดอาลาดี เด็งนิ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เครือข่ายนูซันตาราเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา มีความตั้งใจที่จะดูแลให้ความช่วยเหลือเด็กกำพร้าและด้อยโอกาสในพื้นที่ โรงเรียนก็ให้ความร่วมมือในการดูแลเด็กๆ เราหวังว่าสังคมวงกว้างจะเล็งเห็นถึงความสำคัญของพันธะกิจในการช่วยเด็กกำพร้าและเห็นว่าพันธะกิจนี้เป็นพันธะกิจของทุกคนที่จะต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือในการดูแลช่วยเหลือเด็กกำพร้าต่อไป”