Skip to main content

http://pataniforum.com/admin/jquery/ckfinder/userfiles/images/spd_20120508154333_b.jpg

            “ตอนใกล้วันอวสานของโลก

กีฬาสามชนิดที่มุสลิมควรหัดไว้

นั่นก็คือ ว่ายน้ำ ขี่ม้าและยิงธนู”

                 ผมอ่านหนังสือเล่มนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว นับเป็นหนังสือเรื่องสั้นขนาดกะทัดรัดที่ทรงอิทธิพลในประเทศมาเลเซีย เขียนโดย “เอส เอ็ม ซากีร์” เป็นงานชิ้นได้รางวัลซีไรท์เมื่อปี 2554 ซึ่งเขาพยายามสื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจตัวตนของความสังคมมาเลเซีย

                 เรื่องเล่าจาก “บึงพระจันทร์” พยายามนำเสนอความแตกต่างของชีวิตในวัยเรียนกับเพื่อนร่วมห้องที่เป็นชาวมาเลย์เชื้อสายอินเดีย เด็กน้อยจากครอบครัวชาวจีน และเด็กมุสลิมที่โตในวิถีแบบอิสลาม ซึ่งทั้งหมดคือ พหุสังคมที่ทำให้สังคมมาเลเซียหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว  ซึ่งเสมือนกงล้อที่หมุนไปโดยชาวอินเดียเป็นแรงงาน ชาวจีนเป็นนักธุรกิจ และชาวมาเลย์เป็นชนชั้นปกครอง

              เอส เอ็ม ซากีร์ มักเล่าเรื่องราวแฝงความเป็นอิสลาม เช่น “ตะวันตกและตะวันออก” ได้ทิ้งนัยยะและปริศนาให้เราขบคิดไว้มากมาย บทสนทนาของ เรย์มอนด์ ลูล ซึ่งเป็นนักบูรพาคดีผู้มองโลกตะวันตกสวยงาม กับฮานาฟีมองโลกตะวันออกอย่างมหัศจรรย์และน่าค้นหา

              งานเขียนได้ชี้ชวนให้เราเห็นภาพของชาวตะวันตกในการศึกษาอิสลามซึ่งเกิดจากจุดหักเหของสงครามคูเสดทำให้พวกเขาพยายามรื้อฐานคิดแห่งความเป็นอิสลามได้สำเร็จ ในช่วงเริ่มต้น พวกเขาเริ่มแปลตำราอิสลามและอัลกุรอ่าน ตลอดจนงานปรัชญาต่าง ๆ ซึ่งถ่ายทอดเป็นภาษาอังกฤษ  จน พวกเขาได้เปลี่ยนจากยุคมืดสู่ยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ท้ายที่สุดพวกเขากลายเป็นผู้ปกครองประเทศมุสลิมเกือบทั่วโลก

               สำหรับเรื่องเล่าอื่น ๆ ในเล่ม ที่ได้รับการคัดสรรให้ติดตาม เช่น “ฝนกลืนฟ้า” หรือ “นักการเมืองอาชีพ” หรือ “โลกที่มีลมหายใจเดียวกัน” วรรณกรรมมลายูในฉบับภาษาไทยได้รับการแปลโดยชายผู้ใช้นามปากกาว่า “อับดุลรอซัก”

           ซึ่งผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้มีประโยชน์สำหรับผู้ที่เชื่อมั่นว่า “โลกแห่งความไม่เหมือน เราสามารถอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข”  

           “เราควรกระชับความสัมพันธ์ระหว่างมุสลิมด้วยกันให้แน่นแฟ้น เราต่างอาศัยบนแผ่นดินและอากาศอันเดียวกัน ”  

           เอส เอ็ม ซากีร์ ได้กล่าวทิ้งท้ายในเรื่องสั้นของเขา