เมืองที่ร้อนฉ่าและร้อนแห้งให้ความรู้สึกราวกับว่าเรากำลังจะกลายร่างเป็นคนแดดเดียว เมืองที่เขาว่ากันว่าเป็นพื้นที่สงบและปลอดภัย แต่ในความเป็นจริงผู้คนที่นั่นบอกเราว่า มันแค่ที่เห็นในภาพเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงโคตาบาโตซิตี้มันคือดินแดนกันชนระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่ต่อต้านรัฐบาลและฝ่ายรัฐบาล มันจึงเป็นพื้นที่ทำงานของทุกกลุ่ม รวมทั้งของเอ็นจีโอที่รณรงค์เพื่อสันติภาพจำนวนมากมายก่ายกอง บนถนนในโคตาบาโตซิตี้ เราเจอด่านทั้งด่านตำรวจ ทหาร แต่ห่างออกไปแค่ยี่สิบนาทีก็เจอค่ายใหญ่ของกองกำลังเอ็มไอแอลเอฟ (
color:#141823">MILF) ค่ายที่ใหญ่พอๆกับเมืองน้อยๆ มีหมู่บ้านอยู่ภายใน มี โรงพยาบาล โรงเรียน ร้านน้ำชา มีไร่นาเรือกสวน จะว่าไปแล้ว ระยะทางจากตัวเมืองไปค่ายเอ็มไอแอลเอฟ น่าจะพอๆ กับระยะทางจากตัวเมืองไปสนามบินโคตาบาโตที่อยู่นอกเมืองก็คงจะว่าได้
ในตัวเมือง มีเรื่องน่าแปลก หะแรกเราก็ไม่เห็น แต่เมื่อเพื่อนชี้ให้ดูจึงตระหนัก เมืองนี้ไม่มีไฟจราจร "ถึงมีก็คงช่วยไม่ได้หรอก" เพื่อนว่า "คงไม่มีใครทำตาม"
เมืองไม่มีรถโดยสารที่เรียกว่ารถบัส หรือแท็กซี่ แต่มีรถที่ทำหน้าที่คล้ายรถสองแถว เป็นรถดัดแปลงมาจากรถเก่าในสภาพต่างๆ รถอีกอย่างที่เราเห็นกันมากคือมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างแบบนี้ (ดั่งภาพประกอบ) นอกจากนี้ก็มีพ่วงข้างแต่เป็นรถจักรยาน ผู้คนทำงานขับขี่รถรับจ้างแบบนี้กันเยอะมาก มีทุกวัย วันหนึ่งขณะที่กำลังอยู่บนถนน ก็สังเกตเห็นว่าข้างหน้ามีเด็กน่าจะอายุสิบกว่าขวบกำลังปั่นจักรยานคันเล็กสมวัย ปั่นจนน่องโป่ง รถพ่วงข้างๆมีคุณผู้หญิงนั่งอยู่ข้างใน มีร่มกางให้เธอด้วย อดไม่ได้พูดกับเพื่อนว่า เด็กคนนี้น่ารักมากเลยเนาะ สงสัยจะถีบรถไปส่งแม่หรือไม่ก็ป้า
เพื่อนตอบกลับมาว่า สงสัยจะไม่ใช่นะเธอ คิดว่าเขารับจ้างมากกว่า
ได้ยินว่าสนนราคาค่าจ้างไม่มากนัก พวกเขาคงทำเงินได้ไม่เยอะเท่าไหร่
ข้างหลังรถรับจ้างคันนี้ คือรถโดยสาร คันที่เห็นคุณผู้หญิงคนหนึ่งกำลังก้าวขึ้นนั่นแหละ
Please, ma'am. คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้ คนฟิลิปปินส์ติดคำว่า "มาม" ซึ่งเป็นวิธีพูดของคนอเมริกันที่ย่นย่อคำว่า madam
ฟิลิปปินส์ในอดีต เป็นอาณานิคมของเสปนสามร้อยปี เป็นอาณานิคมเพียงหนึ่งเดียวของสหรัฐอเมริกาเกือบห้าสิบปี ผู้คนผสมผสานกันทั้งคนพื้นเมืองที่อยู่เดิม คนที่อพยพเข้าไปใหม่จากเสปน และจากจีนที่เข้าไปค้าขายและปักหลักอยู่ที่นั่น หน้าตาพวกเขาจึงเป็นแบบนี้ และมีชื่อออกมาเป็นแบบเสปนผสมอเมริกันและอื่นๆ เสปนเข้าไปเปลี่ยนฟิลิปปินส์จากพื้นที่ที่มุสลิมปกครอง กลายเป็นคริสต์ และนั่น เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์บาดแผลสำหรับมุสลิม ทุกวันนี้มุสลิมส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตอนใต้ สภาพความแตกต่างเวลาไปจะเห็นได้ชัดเจน มะนิลาเต็มไปด้วยโบสถ์ มินดาเนาเป็นถิ่นมุสลิม ความต่างทางกายภาพบอกเล่าความแตกต่างในทางความคิดและความรู้สึก ไม่ต่างจากกรุงเทพฯ และสามจังหวัดภาคใต้ การสู้เพื่ออัตลักษณ์และการสู้กับอคติเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในพื้นที่นี้
มาวันนี้รัฐบาลฟิลิปปินส์เตรียมออกกฎหมายเพื่อให้จัดตั้งเขตปกครองตนเองใหม่ในมินดาเนา คาดว่าพวกเขาต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้ามากกว่าจะย่ำอยู่กับที่ด้วยการสู้รบที่ยืดเยื้อยาวนานคนตายเกินหลักแสน
มันเป็นที่ที่เราควรแสวงหาบทเรียน
........