พลังใจ การเยียวยาของสตรีจิตอาสาชายแดนใต้
ถนนสายสองเลน สามเลน หรือสี่เลน ที่ถอดสะพานให้ผู้คนมีโอกาสขับยานพาหนะ ตามเป้าประสงค์ที่วางไว้ตรงหน้า อย่างมุ่งมั่น อย่างตั้งใจ อย่างจดจ่อกับพวงมาลัยที่จะเลี้ยวไปโน้น หรือ มานี่ แม้บางครั้ง ถนนบางเลนอาจจะเป็นถนนขรุขระ หลุมดำบ้าง หลุมแดงบ้าง หรือแม้กระทั่งหลุมที่เกิดการทับถมปูนซีเมนต์ที่สามารถดาดเดาได้ว่า เกิดจากเหตุการณ์ความรุนแรง ที่ทิ้งสัญลักษณ์บนถนนให้ผู้โดยสารเข้าใจเป็นสิ่งเดียวกันว่า มันคือ หลุมจากระเบิด
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาวันที่ 28-30 ตุลาคม เป็นเวลาสัญจรเดียวกันกับใครหลายๆคนที่ ต้องการทำตามแผนให้สำเร็จ และเช่นเดียวกันกับ เวลาที่ทีมงานศวชต. ลงเยี่ยมเยือนบ้านแม่หม้ายจากสถานการณ์ความไม่สงบในปัตตานี โดยการเยี่ยมสตรีจิตอาสาที่เข้าร่วมโครงการกับศวชต.ตั้งแต่รุ่นที่ 1 เพื่อวัตถุประสงค์ในการเขียนเรื่องเล่าของพวกเธอในการเข้ามาเป็นจิตอาสา แรงบันดาลในการเป็นจิตอาสา และกระบวนการทำงานจิตอาสาว่าเป็นอย่างไร
ส่วนตัวเพิ่งได้เข้ามาคลุกคลีกับทีมงาน ศวชต.และเพิ่งได้เห็นใบหน้าของพวกเธอเหล่าสตรีจิตอาสาเป็นครั้งแรก ซึ่งความรู้สึกบอกไม่ถูกเพราะในภวังค์ความคิดของตนเองที่วาดภาพจินตานาการเชิงลบว่า "พวกเธอคงจะมีใบหน้าที่เศร้าหมองเป็นอันแน่ พวกเธอคงจะพูดพร้อมน้ำตาเป็นอันแน่และอื่นๆที่เข้ามาในภวังค์ความคิด" แต่แล้ว สิ่งที่ได้ไปเห็นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง จนจับปากกาจดสมุดแบบงงๆ และแอบตั้งคำถามกับตัวเองว่า นี่เขาเข้มแข็งขนาดนี้เลยหรือ แล้วยังเป็นแกนนำในการเยียวยาสตรีท่านอื่นที่ได้รับผลกระทบได้อีก เอะ! มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้พวกเขาสามารถผ่านจุดนั้นแล้วมายืนจุดนี้ด้วยความเข้มแข็งได้ มันต้องมีสักอย่างสิ คำถามยังคงลอยในอากาศ โดยรอเวลาการหยิบทีละคำถามพร้อมคำตอบมาจรดในสมุดเพื่อคลายความสงสัย ซึ่งได้ถามพี่ๆ ทีมงานศวชต.และบวกกับการลงพื้นที่ สามารถสรุปกับตัวเอง ว่า เขาเข้มแข็งขนาดนี้เลยหรือ เขามายืนจุดนี้ได้อย่างไร คำตอบอันน่าอัศจรรย์และปนความดีใจคือ "พวกเขากว่าจะยืนจุดนี้ ไม่ใช่ใช้เวลาปี สอง ปี แต่เขาใช้เวลาที่ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านการพบเพื่อนที่ร่วมชะตาเดียวกันกับเขา ผ่านการพูดคุย พอที่จะทำให้เขาได้ระบายความทุกข์ ความเจ็บปวด ความผิดหวัง มีปัญหาก็ได้ปรึกษากัน มันเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาไม่เหงา ไม่อยู่คนเดียวได้ คลายความเครียดลงไปบ้าง สิ่งนี้ที่ ทำให้เขาต้องลุกขึ้นต่อสู้กับชีวิตบนโลกนี้ ที่โลกใบนี้พร้อมจะหยิบยื่นความล้มเหลว ความอัปยศ ความทรมาน ความหวัง ความรัก ความเข้าใจ ความสุข ให้กับพวกเขาให้ได้เดินหน้าต่อไป อีกทั้งพวกเขายังเสียสละเวลาในการดำเนินชีวิตเพื่อเยียวยาผู้อื่นที่เคยตกอยู่ในสภาวะเดียวกับเขาให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ในการใช้ชีวิต เพื่อลูก และเพื่อคนที่รัก
"แต่แน่นอนแรงบันดาลใจ ความประทับใจในการทำงานจิตอาสาของเหล่าสตรีจิตอาสาตรงนี้ ต้องเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากที่จะทำให้พวกเขามีแรงกำลังใจ แรงกระตุ้น แรงผลักดันจากภายในการที่จะทำให้ตัวเองเข้มแข็ง และให้เพื่อนๆคนอื่นเข้มแข็งด้วย
สำหรับ ป้าบรรจบ สตรีจิตอาสาอำเภอหนองจิกกล่าวว่า ตอนนี้ทุกข์เราน้อยลงแล้วเพราะเราทำใจยอมรับได้แล้ว แต่ทุกข์ของเพื่อนใหญ่กว่า เราก็ต้องช่วยให้เพื่อนก้าวข้าวเหมือนเราให้ได้
สำหรับ พี่วรรณดี สตรีจิตอาสาบ้านท่าด่าน กล่าวว่า เมื่อทำสิ่งใดแล้วสำเร็จ ทำให้เรามีกำลังใจให้ตัวเอง ลูกๆ ก็มาช่วยทุกอย่างทำให้มีกำลังใจ และเพื่อนก็มีความสะดวกสบายขึ้น"
กะบะห์ สตรีจิตอาสาบ้านบางปลาหมอกล่าวว่า ประทับใจ ตอนช่วยเหลือเด็กกำพร้าเหมือนลูกเราพอได้ เห็นเด็กกำพร้าใส่เสื้อใหม่ ให้เท่าเทียมกับเพื่อนคนอื่นๆเราก็ดีใจแล้วและที่ผ่านมาในชุมชนทำกินน้ำชาก่อนปอซอเพื่อหารายได้ช่วยเหลือเด็กกำพร้า เพื่อไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่รายอ และ ให้เงินบริจาคแก่เด็กกำพร้า
กะมาเรียม โสะ สตรีจิตอาสาบ้านจะรัง กล่าวว่า คำขอบคุณจากชาวบ้าน ลูก เพื่อนร่วมงาน ชาวบ้าน ตอบรับก็จะเป็นแรงในการทำงานนี้ต่อไป และอีกหลายท่านที่ยังไม่ได้ระบุ ที่รอให้มีการเติมเต็มหลายประเด็นจนเป็นหนังสือใน 10 ปี ศวชต.ที่ให้รอในการติดตามของท่าน อีกไม่นาน
เสน่ห์ของจิตอาสาเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าสัมผัสคงจะเป็นเรื่องมิตรภาพ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คำพูดที่แฝงด้วยพลังในการฟื้นฟูตัวเอง ฟื้นฟูเพื่อน ทำให้อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ขณะที่จดบันทึกความรู้สึก คำพูดของพวกเธอ ซึ่งแต่ละคนจะอยู่คนละพื้นที่แม้จะอยู่ในจังหวัดปัตตานี แต่ด้วยระยะทางก็ไม่เป็นอุปสรรค์ในการสื่อสาร ถามไถ่สารทุกข์ สุขดิบ หรือส่งข่าวคราวของเพื่อนอีกตำบล หรือส่งข้อมูลในการเข้าร่วมกิจกรรม เพราะพวกเธอมีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ เฟสบุ๊ค ไลน์ เป็นอะไรที่น่าชวนคิดมากมาย เพราะตัวเองคิดไม่ถึงว่า พวกเธอเหล่านี้จะมาก้าวไกลขนาดนี้ได้ มันเป็นเรื่องยากน่ะ หากผู้หญิงหนึ่งคนถือโทรศัพท์ระหว่างการทำงาน เพื่อดูแลใจของเพื่อนด้วยกันที่ได้รับผลกระทบให้มีการพูดคุย ให้กำลังใจซึ้งกันและกัน เสมือนเป็นหนึ่งในเครือญาติที่ต้องดูแลกันตลอดเวลา แต่ก็อดขำไม่ได้พอเธอจิตอาสาแซวในวงว่า "บางทีก็ตกใจน่ะ เสียงไลน์เข้าก็สะดุ้งทีหนึ่ง แต่ก็ยังดีมีการพูดคุยในไลน์ได้รับรู้ข้อมูลที่ไม่เคยรู้ด้วย"
สุดท้ายแล้ว เป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า การที่สตรีจิตอาสาเหล่านี้จับวงพูดคุย จับปากกาเพื่อจรดวิธีการทำงานด้านจิตอาสา เพื่อให้ท่านอื่นๆได้อ่านถ้อยคำ อ่านความรู้สึก อ่านความหวังจากพวกเธอ เพื่อให้มีการต่อยอดการทำงานด้านการเยียวยาในพื้นที่ปาตานีนี้ต่อไป พบกันกับ" หนังสือ 10 ปี ศวชต.ได้ เร็วๆนี้"