หลังจากความล้มเหลวของรัฐบาล เบนนิกโน อากิโนในการผลักดันร่างกฎหมายบังซาโมโร (Bangsamoro Basic Law หรือ BBL)เข้าสู่สภาฯ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวถูกคาดหวังว่าจะเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการให้อำนาจพิเศษในการปกครองตนเองในภูมิภาคทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ อาจกล่าวได้ว่า นับเป็นเวลากว่า 17 ปีที่ เจรจาสันติภาพนั้นมาสู่ช่วงเวลาที่มีความหวังมากที่สุด ในช่วงเดือนมีนาคมปี 2014ผู้นำขบวนการปลดปล่อยมุสลิมโมโร หรือ MILF ซึ่งเป็นขบวนการต่อต้านรัฐที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และรัฐบาลฟิลิปปินส์ ได้มีการเซ็นข้อตกลงบังซาโมโรฉบับครอบคลุม หรือ Comprehensive Agreement of Bangsamoro หรือ CAB ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ให้สิทธิทางการเมืองต่างๆ แก่ชาวมุสลิมมินดาเนา และหนึ่งปีหลังจากนั้น MILF ก็ได้จัดพิธีปลดอาวุธนักรบ โดยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสันติภาพ การผ่านร่างกฎหมายบังซาโมโร และจะเป็นการเพิ่มอำนาจข้อตกลงบังซาโมโรให้สามารถนำปฏิบัติได้จริง แต่ห้วงเวลาแห่งความหวังดังกล่าว กำลังจะผ่านพ้นไป ยิ่งในช่วงเวลาที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มใกล้เข้ามา หลายๆ คนเริ่มพูดถึงระบบราชการที่อ่อนแอ ความไม่สนใจใยดีของฝ่ายนิติบัญญัติและความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในบางช่วงเวลาเป็นตัวฉุดรั้งกระบวนการสันติภาพในมินดาเนาลง แต่การต่อสู้ของชาวมินดาเนายังคงดำเนินต่อไป
หลายคนมองว่า ความขัดแย้งจะจบลงเมื่อมีการปกครองตนเองและหลังจาก ข้อตกลงบังซาโมโรฉบับครอบคลุมนั้นผ่านสภาฯ ซึ่งในปี 2014 หลังจากข้อตกลง CAB รัฐบาลฟิลิปปินส์เริ่มที่จะช่วยในการพัฒนาเขตปกครองตนเองมุสลิมมินดาเนา หรือ Autonomous Region of Muslim Mindanao- ARMM โดยสร้างถนน โรงเรียน โรงพยาบาล ในภูมิภาคแห่งนี้ที่เป็นภูมิภาคที่ยากจนมากที่สุดแห่งนี้ แม้บางครั้งจะทำให้ MILF มีความไม่ไว้วางใจ ต่อกับรัฐบาลที่ดูเหมือนว่าจะใช้โอกาสนี้ในการลงมือปฏิบัติการเพื่อที่จะเอาชนะจิตใจประชาชน โดยการสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ แต่ห้วงเวลาสำคัญที่ทำให้กระบวนการสันติภาพหยุดชะงัก คือ ในเดือน มกราคมปี 2015 ที่ผ่านมา กองกำลังพิเศษ 44 นาย ถูกสังหารเสียชีวิต ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากมีความขัดข้องต่อระบบการสื่อสารและสายการบังคับบัญชาซึ่งประธานาธิบดี อากิโน ต้องรับผิดชอบโดยตำแหน่งอย่างเต็มที่ต่อการสูญเสีย เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งเป็นสิ่งฉุดรั้งต่อกระบวนการสันติภาพลง โดยเฉพาะการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายบังซาโมโรจากสภา ซึ่งกรณีดังกล่าวได้เพิ่มความขัดแย้งมากขึ้น
ในตอนนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่กำลังจะเกิดขึ้นและจะเข้ามาทำหน้าคนใหม่เข้ามาบริหารที่ในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตามยังมีความหวังต่ออนาคตของร่างกฎหมายบังซาโมโร ทั้ง MILF และรัฐบาล ยังไม่ยกเลิกความหวังในเรื่องนี้ เมื่อหัวหน้าคณะเจรจาจากฝั่ง MILF และประธานสำนักที่ปรึกษาประธานาธิบดีในกระบวนการสันติภาพ ได้ออกร่างแถลงการณ์ร่วมต่อฝ่ายนิติบัญญัติ โดยได้ขอร้องให้ฝ่ายกฎหมายนั้นทำงานหรือพิจารณาร่างกฎหมายบังซาโมโรต่อไป โดยผลของข้อตกลง CAB ยังคงมีผลต่อไปแม้มีการเปลี่ยนรัฐบาล อีกทั้ง MILF ยังคงเดินหน้า ส่งสัญญาณที่จะรักษาความอดทน แม้กลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ต้องการจับอาวุธต่อสู้และปฏิเสธร่างกฎหมายบังซาโมโร ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่มกราคม ปี 2015 มีกลุ่มก่อการร้ายหลายกลุ่มด้วยกัน ที่ต้องการเข้าไปเป็นพันธมิตรร่วมกับ ISIS
ประธานที่สำนักที่ปรึกษาประธานาธิบดี แห่งฟิลิปปินส์ Miriam Coronel-Ferrer กล่าวว่าการรักษาความไว้วางใจจะเป็นโอกาสให้กับบังซาโมโร ซึ่งรัฐบาลสมัยหน้าจะต้องรักษาเจตจำนงทางการเมืองเอาไว้ เธอกล่าวอีกว่าแม้ OPAPP ได้ดำเนินงานมาเป็นระยะเวลากว่า 6 ปี แต่ก็ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่ต้องทำอีกมาก และเรามาถึงจุดที่เราได้ทำมันแล้ว เธอยังกล่าวอีกว่า สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอาจพิจารณาผู้สมัครที่สามารถสร้างผลกระทบต่อกระบวนการสันติภาพที่กำลังเดินหน้าอยู่ในขณะนี้ ไม่เพียงแต่การเจรจาสันติภาพที่เกิดขึ้นกับ MILF เท่านั้น แต่จะต้องดำเนินการกับพรรคคอมมิวนิสต์ต่างๆ ได้แก่ Communist Party of the Philippines /New People’s Army/National Democratic Front (CPP/NPA/NDF) ส่วนเลขาธิการ OPAPP Teresita Quintos Deles กล่าวว่า สำหรับภารกิจของประธานาธิบดีสมัยหน้า มีกระบวนสันติภาพหลักสองกระบวนการที่ผู้สมัครประธานาธิบดีจะต้องดำเนินการ รวมทั้งความก้าวหน้าหลักสามอย่างจะต้องพิจารณาในช่วงของการบริหารงานของประธานาธิบดีคนต่อไป อีกทั้งยังมีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลฟิลิปปินส์กับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธอื่นๆ เช่น CBA-CPLA, RPM-P/RPA/ABB ที่จะนำไปปฏิบัติใช้จริงในหลายพื้นที่
สำหรับการเมืองในการเมืองของฟิลิปปินส์ มีนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า การเลือกตั้งนั้นในทุกครั้ง นำมาสู่การเริ่มต้นในการทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างผลงานที่เป็นมรดกของตัวเอง ประธานาธิบดีแต่ละคนจึงมักนำตัวเองออกมาให้ห่างไกลจากการเมืองในแต่ละการบริหารงานของแต่และรัฐบาล โดยเฉพาะในนโยบายที่ประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก ทำให้ค่อนข้างเกิดความน่ากังวลต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำประเทศ ว่าจะกระทบต่อกระบวนการสันติภาพมินดาเนาที่กำลังเดินหน้าไปอย่างไร ซึ่งเสียงโหวตจากมิดาเนานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่าเป็นแหล่งที่เรียกได้ว่าเป็นผลประโยชน์ของภาคส่วนเอกชน ในภูมิภาค และมีแง่มุมในเรื่องของการพัฒนา ใครที่สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่ากระบวนการสันติภาพจะเดินหน้าต่อนั้นจะได้รับการสนับสนุน
หากมองในแง่ของกระบวนการสันติภาพมินดาเนา จะเห็นได้ว่า ผู้สมัครของประธานาธิบดีทั้ง 5 คน ได้แก่ Jejomar Binay รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน Grace Poe สมาชิกวุฒิสภา Miriam Defensor-Santiago อดีตวุฒิสมาชิก Mar Roxas นักการเมืองและหลานของอดีตประธานาธิบดี Manuel Roxas และนายกเทศมนตรีเมือง Davao, Rodrigo Duterte จากผู้สมัครทั้งหมด มีเพียง Roxas ที่ถูกนำเสนอโดยพรรคของประธานาธิบดีอากิโน เขาได้ประกาศต่อสาธารณะว่าจะยังคงสานต่อในเรื่องแผนปฏิบัติการต่างๆของระบบบริหารงานเดิมในกระบวนการสันติภาพ
ส่วน Poe ประกาศว่า จะพยายามขยายการพูดคุยกับภาคส่วนอื่นๆ ในมินดาเนาให้มากขึ้น เพราะเธอสนับสนุน ร่างกฎหมายบังซาโมโรฉบับเดิม ขณะที่ Binay นั้น สนับสนุนร่างกฎหมายบังซาโมโรฉบับปรับปรุงแก้ไข ส่วน Defensor-Santiago เคยวิจารณ์เนื้อหาของกฎหมายบังซาโมโรฉบับเดิมที่กระทบต่อธรรมนูญของประเทศ และเธอก็สนับสนุนร่างฉบับแก้ไขแล้วมากกว่า
Duterte ผู้สมัครคนเดียวจากมินดาเนาที่สนับสนุนร่างกฎหมายบังซาโมโรฉบับดั้งเดิมและมีความมุ่งมั่นที่จะนำข้อตกลง CAB นั้นไปปฏิบัติใช้ได้ เขายังกล่าวกับผู้นำ MILF ว่าจะมีการระบุ BBL ไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน หากได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และถึงขั้นที่จะเปลี่ยนระบอบการปกครองของประเทศเป็นระบอบสหพันธรัฐ แทนที่สาธารณรัฐ
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่าการรณรงค์เสียงเลือกตั้งก็ไม่สามารถที่จะเป็นตัวการันตีได้ว่า คำสัญญาของผู้สมัครนั้น จะทำตามเช่นตามที่นโยบายที่ได้หาเสียงไป เพราะในอดีตผู้นำมักไม่ค่อยมีความจงรักภักดีกับนโยบายหรืออุดมการณ์ของตัวเอง และมักเปลี่ยนพรรค ซึ่งเป็นไปตามความต้องการทางการเมืองหรือในเรื่องของความรู้สึกของสาธารณะชน
ไม่ว่าใครจะได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ข้อตกลงสันติภาพตั้งในปี 2014 นั้นยังมีผลและ เป็นภาระหน้าที่ที่ประธานาธิบดีคนต่อไปที่ต้องสานต่อ ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลในสมัยหน้าจะต้องค้นหาทางในการที่จะนำไปใช้ ขณะเดียวกันร่างกฎหมายมินดาเนาฉบับล่าสุด จะต้องเป็นที่ยอมรับต่อประชาชนของมินดานา และจะไม่นำผู้คนให้กลับมาเป็นศัตรูกันอีกเนื่องด้วยความล่าช้าพวกเขากลับกลับไปสู่การเป็นศัตรูกัน จากโพลสำรวจความคิด Pulse Asia เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แบ่งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกเป็น 4 ภูมิภาค ได้แก่ National Capital Region (NCR), Metro Manila ผู้มีสิทธิ์ 6.253 ล้านคน Balance of Luzon เกาะที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ ผู้มีสิทธิ์ 21 ล้าน สาม Visayas ผู้มีสิทธิ์ 11.315 ล้านคน และสี่ Mindanaoผู้มีสิทธิ์ 12.627 ล้านคน รวมมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 80 เปอร์เซ็นต์
หากคิดตามภูมิภาค ใน เมโทรมะนิลา Poe มีคะแนนนำ 30 % ตามมาด้วย Duterte 29 % Binay 23 % และ Roxas คิดเป็น 9 % ที่ Balance of Luzon Poe ชนะกว่า 34 % Biney 26 % และ Duterte 16 % ตามมาด้วย Roxas 15% ส่วนที่ Visayas Roxas นั้นมีคะแนนนำที่ 36% Biney 21 % Poe 20 % และ Duterte 18 % ในมินดาเนา Duterte นั้นนำเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนนกว่า 46 % Roxas เป็นที่2 กว่า 20 % เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ Poe และ Binay มีคะแนนสูสีกัน 15 และ 14 % ตามลำดับ
โดยสรุปแล้ว Poe สามารถที่จะได้ตำแหน่งประธานาธิบดี ด้วยคะแนน 11.396 ล้านคะแนน ส่วน Duterte นั้นตามมา ที่ 10.809 ล้านคะแนน ซึ่งอาจพลิกผันให้เขาเป็นฝ่ายชนะได้เช่นกัน หาก Duterte ชนะคะแนนทั้งในลูซอนและหากมินดาเนาโหวตให้เขา ภูมิภาคทางตอนใต้จะได้ประธานาธิบดีเป็นคนแรกของฟิลิปปินส์
อ้างอิง
OPAPP. Consider the peace process when voting on election day — Peace Adviser [Online]. 2016. Available from: http://www.opapp.gov.ph/news/consider-peace-process-when-voting-election-day-%E2%80%94-peace-adviser
Pauleen Gorospe. What the Philippines 2016 Elections Mean for the Mindanao Peace Process [Online]. 2016. Available from: http://nottspolitics.org/2016/02/17/what-the-philippines-2016-elections-mean-for-the-mindanao-peace-process/
PhilStar Globe. Duterte meets with MILF, vows to push for BBL [Online]. 2016. Available from: http://www.philstar.com/headlines/2016/02/27/1557360/duterte-meets-milf-vows-push-bbl
Southeast Asia Globe. Philippines’ peace process could fall apart after elections [Online]. 2016. Available from: http://sea-globe.com/philippines-peace-deal-mindanao-milf-aquino-coronel-ferrer-murah-ebrahim/
Tony Lopez. Mindanao could elect the next president [Online]. 2016. Available from: http://thestandard.com.ph/opinion/columns/virtual-reality-by-tony-lopez/202669/mindanao-could-elect-the-next-president.html