ใบแจ้งข่าว
ศาลจังหวัดปัตตานี นัดไต่สวนพยานฝ่ายพนักงานอัยการ
ในคดีไต่สวนคดีการตายของนายอับดุลลายิบ ดอเลาะ ครั้งที่สาม
ศาลจังหวัดปัตตานีได้กำหนดนัดไต่สวนพยานฝ่ายพนักงานอัยการ ผู้ร้อง ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2559 เวลา 09.00-16.00 นาฬิกา ณ ห้องพิจารณาที่ 2 ในคดีหมายเลขดำที่ ช.6 /2559 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี ผู้ร้อง และ นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ ผู้ตาย นางสาวกูรอสเมาะ ตูแวบือซา ภรรยาผู้ตาย ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ร้องซักถาม โดยศาลได้นัดไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้อง ซึ่งยังคงเหลืออีก 2 ปาก ได้แก่ แพทย์ผู้ทำการชันสูตรพลิกศพผู้ตายที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ทั้งนี้เนื่องจากมีการส่งศพไปชันสูตรอีกครั้งที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ การไต่สวนแพทย์ดังกล่าวนั้นจะใช้ระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยเชื่อมโยงสัญญาณระหว่างศาลจังหวัดสงขลากับศาลจังหวัดปัตตานี หลังจากนั้นศาลจึงจะทำการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้องปากสุดท้าย คือ พนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก จังหวัดปัตตานี ในฐานะพนักงานสอบสวนผู้ทำสำนวนและรวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานอัยการ
คดีนี้เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2559 ศาลได้สืบพยานฝ่ายพนักงานอัยการไปแล้วทั้งหมด 3 ปาก ได้แก่ หัวหน้าชุดซักถาม หัวหน้าชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ ) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารของศูนย์ซักถาม ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี
ขอเชิญสื่อมวลชนหรือผู้สนใจเข้ารับฟังการพิจารณาคดีนี้ตามวัน เวลา และสถานที่ ดังกล่าวข้างต้น
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
นายสากีมัน เบญจเดชา ทนายความ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานี โทร. 086-0374318
นายปรีดา นาคผิว ทนายความ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม โทร. 089-6222474
ข้อมูลเบื้องต้น
นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2558 หลังจากที่ถูกควบคุมตัวไปที่ศูนย์ซักถาม ค่ายอิงคยุทธบิรหาร มาแล้วเป็นเวลา 25 วัน
นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ อายุ 45 ปี ก่อนเสียชีวิตนายอับดุลลายิบ ดอเลาะ มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านใหม่ ต. คอลอตันหยง อ. หนองจิก จังหวัดปัตตานี โดยนายอับดุลลายิบ ดอเลาะถูกควบคุมตัว เมื่อประมาณตีหนึ่งครึ่ง(01.30 นาฬิกา) ของวันที่ 11 ตุลาคม 2558 ด้วยเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ที่บ้านพักที่ตำบลคอลอตันหยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เจ้าหน้าที่ที่มาจับกุมมีการปิดบังใบหน้าทำให้ครอบครัวและญาติเกิดความหวาดกลัว และถูกควบคุมตัวติดต่อกันเป็นระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัว 25 วันที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ( ค่ายบ่อทอง ที่ชาวบ้านเรียกกัน ) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2559 ญาติได้เดินทางไปเยี่ยมนายอับดุลลายิบและก่อนหน้าวันดังกล่าว ญาติก็ไปเยี่ยมนายอับดุลลายิบทุกวัน แต่มักได้รับการอนุญาตให้เยี่ยมเพียงระยะเวลาสั้นๆ และไม่สามารถคุยกันได้มากนัก ภรรยาสังเกตว่าสามีของตนมีความเครียดและบอกแต่เพียงว่าสามีเครียด กลัว ไม่มีร่องรอยบาดแผลที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพราะเจ้าหน้าที่สอบสวนเวลากลางคืน และมีการบังคับให้รับสารภาพแต่สามีไม่ได้กระทำจึงไม่ได้รับสารภาพ
จนกระทั่งวันที่ 4 ธันวาคม 2558 เวลา 7.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่มาที่บ้านมารับตัวไปค่ายอิงคยุทธบริหาร พร้อมผู้ใหญ่บ้าน และเมื่อไปถึงที่ค่ายฯ ผู้ใหญ่บ้านกระซิบบอกว่า สามีของตนเสียชีวิตแล้ว ต่อมาได้มีการส่งศพไปตรวจชันสูตรโดยไม่ได้มีการผ่าศพที่โรงพยาบาลที่หาดใหญ่ เพื่อหาความยุติธรรม โดยมีการขออนุญาตตรวจ ดีเอ็นเอในน้ำลาย คราบอสุจิ คราบเลือด และเก็บน้ำในตา เพื่อตรวจสารพิษที่ตกค้าง ในระหว่างการตรวจศพฯ พบกว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้ามาพูดและโต้เถียงกับนายแพทย์ที่ทำการตรวจเป็นระยะ ในวันเดียวกันทางญาติได้นำศพของนายอับดุลลายิบไปตรวจชันสูตรพลิกศพ ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ โดยการชันสูตรพลิกศพตามร่างกายของผู้ตายทั้งหมด แต่ไม่ได้อนุญาตให้มีการผ่าชันสูตรศพ และในวันดังกล่าวญาติได้นำร่างของสามีประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่บ้านของผู้ตาย
โดย กอ.รมน.ได้มีคำสั่งในมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนระดับจังหวัดเป็นผู้ทำหน้าที่ดำเนินการ แต่ญาติก็ยังต้องการหน่วยงานกลางไว้ใจและเชื่อมั่นได้เข้ามาตรวจสอบ ต่อมาภรรยาของนายอับดุลลายิบได้ทำหนังสือขอให้องค์การสหประชาชาติเข้ามามีส่วนในการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม.
http://th.macmuslim.com/?p=1201#more-1201