มูฮำมัดอายุบ ปาทาน
ยุทธการ "พิชิตบันนังสตา" และ "พิทักษ์ปาดี" ซึ่งผลการปฏิบัติสามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้กว่า 200 คน พร้อมยึดอาวุธยุทธภัณฑ์ได้อีกจำนวนหนึ่ง ถือเป็นการกู้หน้าของฝ่ายรัฐในการโต้กลับขบวนการก่อความไม่สงบ หลังจากที่เพลี่ยงพล้ำทางยุทธวิธี เกิดความสูญเสียทั้งฝ่าย ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง มาโดยตลอด
เป็นมาตรการรุกทางการทหารครั้งใหญ่ที่เห็นผลอย่างชัดเจนที่สุด นับตั้งแต่ปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ปะทุขึ้นมาเมื่อปี 2547
ข้อสังเกตปฏิบัติการครั้งนี้ ก็คือ ผู้ที่ถูกควบคุมตัวไปนั้นเป็นส่วนใดของขบวนการ จะจับถูกตัวทั้งหมดหรือไม่ คำแถลงผลการปฏิบัติของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งแยกผู้ถูกควบคุมตัวออกมาเป็นกลุ่มๆ จะเห็นว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ทำหน้าที่ด้านเผยแพร่แนวคิด ควบคุมมวลชน อย่างแกนนำฝ่ายการเมือง-ศาสนา และแนวร่วม ขณะที่กองกำลังที่เรียกว่า ‘อาร์เคเค' และ ‘คอมมานโด' ซึ่งเป็นกลุ่มปฏิบัติการก่อเหตุมีอยู่ไม่ถึง 30 คน
หากกองกำลังส่วนใหญ่ของขบวนการใต้ดินยังคงอยู่ ก็ยังไม่อาจวางใจได้ว่าเหตุการณ์รุนแรงจะบรรเทาเบาลง
แนวโน้มสถานการณ์หลังจากนี้ยิ่งคาดว่าภาวะอึมครึมจะขยายไปทั่ว ด้วยไม่อาจคาดเดาได้ถึงการโต้กลับของฝ่ายใต้ดิน หากงานด้านการทหารยังคงเป็นแนวทางหลัก ขณะที่งานการเมืองซึ่งควรทำควบคู่กันไปยังมิอาจเดินหน้าได้
แม้จะประสบความสำเร็จในปฏิบัติการ แต่ก็ใช่ว่าจะได้เปรียบ หากรัฐยังไม่อาจเปิดเกมรุกทางการเมือง สลายอิทธิพลขบวนการใต้ดิน สร้างความมั่นใจ ฟื้นศรัทธาต่ออำนาจรัฐขึ้นมาได้
ในภาวะที่ยังไม่มีฝ่ายใดกำชัยอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ ทุกข์หนักจึงตกอยู่ที่มวลชนหรือชาวบ้าน เพราะแม้อยากจะให้ความร่วมมือกับรัฐ แต่ก็ยังหวาดเกรงอิทธิพลของฝ่ายใต้ดิน หรือแม้อยู่เฉยๆ ก็อาจถูกหาว่าเป็นแนวร่วม
แม้จะประกาศนโยบายการเมืองนำการทหาร แต่เกมรุกการเมืองของรัฐในพื้นที่ ในหมู่บ้าน ในชุมชน ยังไม่ปรากฏให้เห็น แม้รัฐจะมีชัยในแนวรบการเมืองระดับสากล แต่ในพื้นที่แล้วถือได้ว่าปราชัยโดยสิ้นเชิง ด้วย ‘ข่าวลือ' เครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพยิ่งของฝ่ายใต้ดิน
การรักษาระดับความเข้มข้นของปฏิบัติการทางทหาร ทั้งการลาดตระเวน ตรวจค้น ภายใต้ภาวะความอึมครึมนี้ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวบ้านในพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ คนไม่กล้าออกไปกรีดยาง ร้านน้ำชาแหล่งชุมนุมพบปะเงียบเหงาจนเกือบร้าง ภาวะเช่นนี้ อาจกลายเป็นช่องโหว่ ทำให้ต้องเพลี่ยงพล้ำต่อเกมรุกทางการเมืองของฝ่ายใต้ดิน ด้วยการสร้างภาพให้ชาวบ้านมองทหารในแง่ลบ
การรวมตัวปิดถนนเรียกร้องขับไล่ทหารที่เกิดขึ้นถี่ยิบในช่วงก่อนหน้านี้ ป้ายข้อความกล่าวหาทหารเป็นผู้สร้างสถานการณ์รุนแรงต่างๆ สะท้อนให้เห็นว่าภาพของทหารในสายตาชาวบ้านนั้นติดลบอย่างยิ่ง
ภาวะทางการทหารที่หยุดนิ่งของฝ่ายขบวนการ มิได้หมายความว่าเกมรุกทางการเมืองจะหยุดตาม
ขณะที่การรุกทางทหารของรัฐหนักหน่วงเท่าใด ความกลัวก็ยิ่งถูกขยายขึ้นไปเท่านั้น ยิ่งหากมีการตอบโต้กลับจากฝ่ายใต้ดิน รัฐก็จะยิ่งเสียหน้า เสียรังวัด
การทหารยึดพื้นที่ แต่การเมืองนั้นครองใจคน
ชายแดนภาคใต้ จะยังเป็นสนามทดสอบทั้งการเมืองและการทหาร ของฝ่ายรัฐและฝ่ายใต้ดินไปอีกนาน จนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีทีท่าว่าจะกำชัยอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เมื่อนั้นสัญญาณแห่งการยุติความรุนแรงจึงจะปรากฏ