Skip to main content

 

แถลงการณ์กรณีความรุนแรงต่อเนื่องที่อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส

กรณีเจ้าหน้าที่ทหารปะทะวิสามัญฆาตกรรมเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2560

เผยแพร่ วันที่ 31 มีนาคม 2560

 

                ในพื้นที่ อำเภอ รือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบที่ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจต่อสังคมโดยรวมอย่างมากคือเหตุการณ์เมื่อ วันที่ 2 มีนาคม 2560 ที่เกิดเหตุคนร้าย ยิงใส่รถกระบะ ส่งผลให้ นายสมชาย  ทองจันทร์และครอบครัวเสียชีวิตรวม 4 คน และเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีเด็กด้วย 1 คน และนอกจากนี้ยังมีเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยอีกหนึ่งคน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้แถลงว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2560  เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการทางทหารและวิสามัญฆาตกรรม ผู้ต้องสงสัย 2 ราย คือ นาย อิสมาแอ หามะ อายุ 28 ปี กับ อาเซ็ง อูเซ็ง อายุ 30 ปี ที่ถนนระหว่างหมู่บ้านไอร์จือนะห์ หมู่ 5 กับบ้านธรรมเจริญ หมู่ 6 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนาย อาเซ็ง อูเซ็ง  มีหมายจับและอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ กราดยิงนายสมชายและครอบครัว อย่างไรก็ตาม ต่อกรณีดังกล่าว มีเด็กผู้หญิงอายุ 15 ปี คนหนึ่งอ้างว่าได้อยู่ในเหตุการณ์และกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีการปะทะกันแต่อย่างใด ซึ่งเป็นข้อมูลที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับข้อมูลข่าวสารที่ชี้แจงโดยเจ้าหน้าที่

                ตามหลักการด้านสิทธิมนุษยชน เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องจับกุมและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่อาจใช้อำนาจตามอำเภอใจลงโทษหรือประหารผู้ต้องสงสัยว่ากระทำผิดโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมของศาลได้               Extra judicial killings  เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่ และหลักการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 39 วรรคสอง  ที่บัญญัติว่า “ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด”  

              โศกนาฏกรรมในทั้งสองเหตุการณ์นำมาซึ่งความสูญเสียที่ไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้ไม่ว่าจะเป็น ชีวิต  อนาคตของครอบครัว สภาพจิตใจของเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งสอง และสถานภาพของความเป็นพยานในเหตุการณ์ ในสภาวะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะหลักสิทธิมนุษยชน หลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศและหลักศาสนา ต่างก็กล่าวถึงการปกป้องคุ้มครองเด็ก  และการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม

 

กลุ่มด้วยใจขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียจากการใช้ความรุนแรงจากทั้งสองเหตุการณ์ และขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้

1. พยานผู้เห็นเหตุการณ์การเสียชีวิตของทั้งสองกรณีจะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองและและเยียวยา และดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖   การถามปากคำเด็กไว้ในฐานะเป็นผู้เสียหายหรือพยาน ให้แยกกระทำเป็นสัดส่วนในสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก และให้มีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ บุคคลที่เด็กร้องขอ และพนักงานอัยการเข้าร่วมในการถามปากคำนั้นด้วย

2. เนื่องจากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ที่มีหมายจับยังเป็นที่คลางแคลงใจในหมู่ประชาชนส่วนหนึ่ง จึง ขอให้มีการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยองค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจที่มีความเป็นอิสระและมีความรู้ความเชี่ยวชาญที่เหมาะสม

3. ขอให้การสืบสวนสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสามารถดำเนินการไปได้โดยอิสระเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายและไม่มีการชี้นำจากฝ่ายใด

 

           ปัจจุบันสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้มีแนวโน้มที่ดีจากแนวทางของรัฐบาลที่ดำเนินการตามนโยบายการพูดคุยเพื่อสันติสุข และการยึดถือปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนและนิติธรรม และเพื่อให้ความสงบสุขในจังหวัดชายแดนใต้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน การตรวจสอบเรื่องการวิสามัญฆาตกรรมที่มีการกล่าวหาในครั้งนี้จะเป็นการสร้างแนวทางการปฏิบัติงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม และนำมาซึ่งการยอมรับและความเชื่อถือจากประชาชน

 

กลุ่มด้วยใจ

31 มีนาคม 2560