Skip to main content

ใครคือ ดร.ซากิร ไนก์ และเขามีแนวทางอย่างไร?

ตอนที่ 2 : ข้อกังวล ของอูลามาอ์ อะห์ลุล ซุนนะห์ วัลยามาอะห์ ต่อแนวทางอากีดะห์และฟิกฮ์ ของ ดร.ซากิร ไนก์

 

เขียนโดย Iskandar Bin Mustafa

 

 

ในขณะที่ ดร.ซากิร ไนก์ เป็นนักดาอีย์ ที่มีชื่อเสียงและเต็มไปด้วยความสามารถที่เต็มเปี่ยม เป็นที่ยอมรับ และโด่งดังไปทั่วโลก แต่ อูลามาอ์ อะห์ลุล ซุนนะห์ วัลยามาอะห์ มีข้อกังวลเรื่องอากีดะห์และฟิกฮ์ของเขา ตามคำฟัตวาของอูลามาอ์ อะห์ลุลซุนนะห์ ดร.ซากิร ไนก์ เป็นบุคคลที่ออกจากแนวทางของอูลามาอ์ มุอตาบัร และเป็นบุคคลที่มีความเข้าใจที่จัดอยู่ในกลุ่ม ฆ็อยร มุก็อลลลิด

ทำไมเขาถึงถูกจัดไว้อย่างนั้น แล้วอะไรคือ ฆ็อยร์ มูก็อลลิด และเอาอะไรเป็นตัวชี้วัดว่าเขาเป็นคนที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งคำตอบท่านต้องติดตามกับสถาบันที่ออกฟัตวาเอง ส่วนรายละเอียด เกี่ยวกับสถาบันที่ออกคำฟัตวา และเนื้อหาการฟัตวาของอูลามาอ์ที่ได้ฟัตวาไว้ผมได้เรียบเรียงไว้ส่วนหนึ่งในบทความตอนต่อไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมีความยาวพอสมควรจึงตัดไว้เพื่อให้สะดวกในการอ่าน

บทความนี้ผมขอยกตัวอย่างเพียงเสี้ยวหนึ่งเพื่อให้ทุกท่านได้เห็นแนวคิดของดร.ซากิร ไนก์เกี่ยวกับอากีดะห์และฟิกฮ์ ว่าท่านมีทัศนะอย่างไรบ้าง ส่วนที่ผมนำเสนออาจจะเป็นเสี้ยวหนึ่งที่อูลามาอ์นำไปฟัตวาหรือไม่นั้นผมไม่ขอเอาส่วนนี้เป็นตัวชี้วัดกับคำวินิจฉัยของอูลามาอ์ แต่เป็นเพียงข้อสังเกตุส่วนตัวจากการที่ได้ค้นคว้าและฟังจากวีดีโอที่ท่านบรรยาย ผมเชื่อว่าหลายท่านที่เป็นผู้รู้ เมื่อได้ฟังวีดีโอของดร.ซากิร ไนก์ เกี่ยวกับ ฟิกฮ์ และอากีดะห์ของเขาจะเข้าใจว่าอากีดะห์เขาเป็นอย่างไร

เกี่ยวกับอากีดะห์ -ขอดร.ซากิร ไนก์

1.เมื่อนักศึกษาผู้หญิงได้ถาม ดร.ซากิร ไนก์ ว่าอัลลอฮอยู่ที่ใหน ?

ดร.ซากิรไนก์ ได้ตอบว่า "Allah Established on The Throne อัลลอฮตั้งมั่นอยู่บนบัลลังค์ , Allah is on Top อัลลอฮอยู่ข้างบน, Allah is on Arsh อัลลอฮอยู่บนอารัช เมื่อนักศึกษาถามต่อว่า คิดอย่างไรกับทัศนะที่ว่า Allah is evrywhere อัลลอฮอยู่ทุกที่ ดร.ซากิร ไนก์ ตอบว่า ไม่ถูกต้อง ไม่มีอัลกุรอานและฮะดิษที่บอกว่าอัลลอฮอยู่ทุกที่ แต่ความสามารถของอัลลอฮอยู่ทุกที่..."

คลิ๊กดูวีดีโอที่ : https://www.youtube.com/watch?v=6Xv8pD69DTc&feature=youtu.be

เฉกเช่นเดียวกันผู้ชายในวีดีโอได้ถามดร.ซากิร ไนก์ ว่าอัลลอฮอยู่ที่ใหน ?

ดร.วากิร ไนก์ ตอบว่า การที่บอกว่าอัลลอฮอยู่ทุกที่เป็นการเข้าใจผิดของชาวมุสลิม ไม่มีในอัลกุรอานและฮะดิษ ตามอัลกุรอาน อัลลอฮบอกว่า อัลลอฮอยู่บนอารัช อัลลอฮอยู่บนบัลลังก์ และมีฮะดิษรายงานว่า อัลลอฮอยู่ข้างบน ให้ดูวีดีโอนาทีที่ 1:55

คลิ๊กดูวีดีโอที่ : https://www.youtube.com/watch?v=ajGYWIxyxEc

และมีวีดีโออื่นๆที่ท่านสามารถเปิดอ่านในยูทูปเกี่ยวกับการบรรยายของดร.ซากอร ไนก์

จากคำตอบที่ ดร.ซากิร ไนก์ตอบว่าอัลลอฮอยู่ที่ใหนดูเหมือนกับการแปลจากกอมุสอัลกุรอานภาษาอาหรับ เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้ตอบตามตัฟซิรอักุรอานแต่อย่างใด อูลามาอ์อะห์ลุลซุนนะห์จำนวนมากได้บอกว่าการตอบว่าอัลอฮอยู่ด้านบนหรืออยู่บนบัลลังก์หรืออยู่บนอารัช เป็นการ ตัชซิม ให้รูปร่าง ทิศ สถานที่ กับอัลลอฮ หรือเรียกว่า อากีดะห์มุยัสซีมะห์ อย่างไรก็ตามการตัฟซีรนี้เป็นการให้ความหมายอายะ มูตาชาบีฮะห์ เรื่องนี้ต้องอาศัยรายละเอียดอีกเยอะ สามารถฟังเพิ่มเติมได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=S18c8jzmpqU โดย Syaikh Dr. Walid As-Samam'ah ว่าอูลามาอ์อะห์ลุลซุนนะห์ส่วนใหญ่ตัฟซิรอย่างไรกับคำถามที่มีคนถาม ดร.ซากิร ไนก์ เกี่ยวกับอัลอฮอยู่ที่ใหน

2.ดร.ซากิร ไนก์ ฟัตวาว่าสามารถเรียกชื่อ อัลลอฮเหมือนกับชื่อที่เรียกพระเจ้าของศาสนาฮินดู

ในหนังสือที่เขาได้เขียนหัวข้อ “Concept of God in Hinduism” ได้เขียนไว้ว่า ชาวมุสลิมสามารถ เรียกชื่ออัลลอฮ เหมือนกับชื่อเทวดา พระเจ้าของฮินดู เช่นวิศนณุ พราห์ม สามารถหาอ่านที่ ดร.ซากิร ไนก์ เขียนได้ในเว็บไซต์ Islamic Research Foundation (IRF) หรือในหนังสือของเขาชื่อ “Islam and Universal Brotherhood” หน้า . 33.

ต่อไปนี้เป็นหนึ่งในงานเขียนคัดลอกมาจากเว็บไซต์ irf.net ของดร.ซากิร ไนก์:

…Among the various attributes of God, one of the beautiful attributes mentioned in the Rigveda Book II hymn 1 verse 3, is Brahma. Brahma means ‘The Creator’. Translated into Arabic it means Khaaliq. Muslims can have no objection if Almighty God is referred to as Khaaliq or ‘Creator’ or Brahma. However if it is said that Brahma is Almighty God who has four heads with each head having a crown, Muslims take strong exception to it….

…Another beautiful attribute of God mentioned in the Rigveda Book II hymn 1 verse 3 is Vishnu. Vishnu means ‘The Sustainer’. Translated into Arabic it means Rabb. Again, Muslims can have no objection if Almighty God is referred to as Rabb or ‘Sustainer’ or Vishnu. But the popular image of 9[Atharveda Samhita vol 2 William Dwight Whitney page 910], Vishnu among Hindus, is that of a God who has four arms, with one of the right arms holding the Chakra, i.e. a discus and one of the left arms holding a ‘conch shell’, or riding a bird or reclining on a snake couch. Muslims can never accept any image of God….

(see: Concept of God in Hinduism by Dr. Zakir Naik in irf.net)

ความหมายพอสังเขปดังนี้ :

…ในบรรดาชื่อของพระเจ้าที่มีมากมาย หนึ่งในชื่อที่สวยงามนั้นที่มีการเขียนในหนังสือ Rgveda เล่ม II himne 1 โองการที่ 3 คือ Brahma.Brahma หมายถึง “ผู้สร้าง”ถ้าเแปลเป็นภาษาอาหรับหมายถึง "คอลิก” ชาวมุสลิมเป็นที่อนุญาติไม่ถือว่าผิดที่จะเรียกชื่ออัลอฮผู้ยิ่งใหญ่ว่า คอลิก หรือผู้สร้าง หรือเรียกว่า Brahma อย่างไรก็ตามถ้า Brahma ซึ่งหมายถึงพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งมี 4 หัว และแต่ละหัวได้สวมมงกุฏ ชาวมุสลิมไม่เห็นด้วยแน่นอน

…..ส่วนชื่ออื่นที่ได้กล่าวไว้ในหนังสือ Rgveda เล่ม II himne 1 โองการที่ 3 คือ วิษณุ.วิษณุ หมายถึง ผู้ดูแล ปกครอง (โลกและจักรวาล)ถ้าเแปลเป็นภาษาอาหรับหมายถึง "ร็อบ” ชาวมุสลิมเป็นที่อณุญาติไม่ถือว่าผิดที่จะที่อัลลอฮ ซบ. ว่า “วิษณุ” แต่ที่ได้ระบุใน Atharveda Samhita vol Halaman 2 William Dwight Whitney 910 วิศณุ มี4 มือ ทุกๆแขนได้ถือจักระ มือซ้ายถือ “บ้านหอย” และได้ขี่พญาครุฑและพิงกับบรรดางู ซึ่งมุสลิมไม่สามารถรับได้ในรูปร่างใดๆทั้งสิ้นของอัลลอฮ...............

(อ้างอิง: Concept of God in Hinduism โดย ดร.ซากิร ไนก์ ใน irf.net)

ดร.ซากิร ไนก์ ได้ กล่าวว่า ชาวมุสลลิมสามารถเรียกชื่ออัลลอฮ ตาอาลา ด้วยชื่อ วิศณุ หรือ พราห์ม

ลองเรามองกลับมายังชาวมุสลิม จะให้เรียกชื่ออัลลอฮว่า Brahma พราห์ม หรือ วิศณุ ไม่ได้ คุณจะเรียกพระเจ้าที่มีชื่ออัลลอฮว่า โอ้..พราห์ม…โอ้…วิศณุ…ฉนั้นหรือ หรือว่าเวลาคุณจะอ่านบิสมิลละห์ฮิรรอห์มานนีเราะห์ฮีม เป็น "บิสมีวิศณุ” "บิสมีพราห์ม” อัรเราะห์มาน อัรเราะห์ฮีม ? แน่นอนพวกเราที่เป็นมุสลิมไม่ต้องการอย่างนั้น ดังนั้น บรรดาอูลามาอ์ จากดารุลอิฟตา ดารุลอูลูม ดิวบัน ได้มีฟัตวาอย่างเด็ดขาดปฎิเสธ ดร.ซากิร ไนก์ บรรดาอูลาาอ์ ดารุลอูลูม ดิวบันได้ห้าม ไม่ให้มุสลิมเรียกชื่อ อัลลอฮ ด้วยชื่อที่ไม่ใช่ภาษาอาหรับเหมือนกับความเชื่อของดร.ซากิร ไนก์

อัลลอฮ ได้กล่าวไว้

وَلِلّٰهِ الْأَسْمَاءُ الْحُسْنَىٰ فَادْعُوْهُ بِهَا ۖ وَذَرُوا الَّذِيْنَ يُلْحِدُوْنَ فِي أَسْمَائِهِ ۚ سَيُجْزَوْنَ مَا كَانُوْا يَعْمَلُوْنَ – سورة الأعراف:١٨٠

“และอัลลอฮ์นั้นมีบรรดาพระนามอันสวยงาม ดังนั้นพวกเจ้าจงเรียกหาก พระองค์ด้วยพระนามเหล่านั้นเถิด และจงปล่อยบรรดาผู้ที่ทำให้เฉ ในบรรดาพระนามของพระองค์เถิด พวกเขานั้นจะถูกตอบแทนในสิ่งที่พวกเขากระทำ (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อะอฺรอฟ:180)

อัลลอฮ ซบ.มีพระนามที่สวยงามดังนั้นจงเรียกพระนามของอัลลอฮผู้ยิ่งใหญ่และชื่อที่ดีและยิ่งใหญ่ของพระองค์ ยา...เราะห์มาน ยา...เราะห์ฮีม ยา..มาลิก ยา….สาลาม ไม่ใช่เรียกพระนามของอัลลอฮ ยา..วิศณุ ยา พราห์ม ที่สอนโดยศาสนาฮินดู

3.ดร.ซากิร ไนก์ ฟัตวาว่าสามารถแตะต้องอัลกุรอานโดยไม่มีน้ำละหมาด

คลิ๊กดูวีดีโอที่ : https://www.youtube.com/watch?v=mGpUdt4zd6M

สรุปจากวีดีโอ คำถามที่ได้ถาม ดร.ซากิร ไนก์ เกี่ยวกับ การสัมผัส อัลกุรอาน ในซุเราะห์วากีอะห์ ว่าสามารถแตะต้องอัลกุรอานได้ไหมหากไม่มีนำ้ละหมาด ? จากอายะ ที่ 79 อัลลอฮกล่าวว่า ( لَّا يَمَسُّهُ إِلَّا الْمُطَهَّرُونَ ) ความหมาย "ไม่มีผู้ใดจะแตะต้องอัลกุรอาน นอกจากบรรดาผู้บริสุทธิ์เท่านั้น"

ดร.ซากิร ไนก์ ตอบว่า

“จากโองการนี้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าไม่สามารถแตะต้องอัลกุรอานถ้าไม่มีนำ้ละหมาด เขากล่าวว่าคำว่าความหมายสะอาดในอายะนี้คือไม่ใช่สะอาดภายนอก แต่หมายถึงสะอาดภายใน สะอาดด้านร่างกายความคิดและความรู้สึก หลายคนคิดว่าเมื่อเอานำ้ละหมาดแล้วหมายถึงคุณสะอาด ซึ่งจากโองการนี้ดร.ซากิร ไนก์ ฟัตวาว่าไม่มีน้ำละหมาดสามารถแตะต้องอัลกุรอานได้และถ้ามีนำ้ละหมาดนั้นจะดีกว่า...."

ผู้รู้จำนวนมากมีทัศนะเรื่องนี้ว่าดร.ซากิร ไนก์ มีทัศนะที่ขัดกับอิจมาอ์ ที่มีทัศนะว่า วาญิบสะอาดจากหะดัสเล็กและหะดัสใหญ่สำหรับใครที่ต้องการสัมผัสอัลกุรอาน (มุซฮัฟ) และฮารามสำหรับใครที่ไม่สะอาดเป็นทัศนะที่ อิจมาอ์ อุลามาอ์ ทั้ง 4 มัซฮับ คือ มาลีกี ฮานาฟี ชาฟีอี และฮัมบาลี

4.ทัศนะของดร.ซากิรไนก์ เกี่ยวกับตามอีหม่าม มัสฮับ

คลิ๊กดูวีดีโอที่:https://www.youtube.com/watch?v=mHpIu8f8Bbc

ซากิรไนก์ได้กล่าวว่า

"ไม่มีซุนนี ไม่มี ชีอะห์ ไม่มีฮานาฟี มาลีกี ฮัมบาลี ชาฟีอี มีแต่ตามอัลกุรอานและฮะดิษ มีคำว่าอิสลามเท่านั้น เขาหมายถึงไม่จำเป็นในการตามอีหม่าม 4 มัซฮับ เพราะเป็น ลัทธิ หรือนิกาย ซึ่งไม่มีในอัลกุรอานและฮะดิษ วันนี้น่าเสียดายที่พวกเรามีหลายนิกาย ชีอะห์ ซุนนี ฮานาฟี ชาฟีอี ฮันบาลี แล้วกลุ่มใหนเป็นกลุ่มของท่านนบีศล........"

ทัศนะของดร.ซากิรไนก์ เกี่ยวกับตามอีหม่าม มัสฮับ

https://www.youtube.com/watch?v=GwKiCrVC-YY

สรุปความจากวีดีโอ

ดร.ซากิร ไนก์ มีทัศนะว่า

"ไม่มีหลักฐานจากหะดิษที่มีคำสั่งให้ผู้หญิงละหมาดแตกต่างกับผู้ชาย แต่มีเพียงหะดิษศอฮีห์ บูคอรี รายงานว่า “ จงละหมาดเหมือนกับที่ฉันละหมาด" แต่ปรากฎว่ากลับมีหนังสือทั่วไปวางขายในอินเดียเขียนเกี่ยวกับการละหมาดของผู้หญิง และการละหมาดของผู้ชายซึ่งเป็นการละหมาดที่ต่างกันวางหนังสือขายทั่วไปหมด ไม่มีหลักฐานอัลกุรอานหะดิษที่ให้ผู้หญิงและผู้ชายละหมาดแตกต่างกัน ซึ่งการละหมาดที่ต่างกันนั้นเกิดจากทัศนะของพวกเขาที่คิดเองซึ่งท่านนบีไม่เคยพูดไม่มีหะดิษที่ให้ผู้หญิงกับผู้ชายละหมาดต่างกัน....

ทัศนะของดร.ซากิร ไนก์ เท่ากับได้ปฎิเสธ หะดิษนบี ศล.ที่เกี่ยวกับการละหมาดระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายว่ามีความแตกต่างกัน

ดร.ซากิร ไนก์ กล่าวว่า

"มัสฮับ ฮานาฟีและชาฟีอีย์ การละหมาดที่มีความต่างกันนั้น เพราะช่วงของพวกเขา ฮะดิษศอฮิห์อาจจะยังไม่ถึงพวกเขาเพราะฮะดิษอยู่กระจัดกระจาย และฮะดิษศอฮีห์ถึงพวกเขาต่างกัน เช่นตอนละหมาดศอฮีห์ฮะดิษที่ถึง อีหม่าม อาบูฮานีฟะห์ ให้วางมือไว้ที่หนึ่ง ฮะดิษศอฮีห์ที่ถึงอีหม่ามชาฟีอีย์วางมืออีกที่หนึ่ง เพราะตอนนั้นหะดิษศอฮีห์ที่ถึงพวกเขาต่างกันเพราะฮะดิษยังไม่ได้ถูกรวบรวม พวกเขามาเร็ว มาก่อนกว่าจะมีการรวบรวมฮะดิษ..."

ดร.ซากิร ไนก์ มีทัศนะว่า สมัยอีหม่าม 4 มัสฮับ มีข้อมูลไม่มากพอ ไม่มีการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ เท่ากับหมายถึงว่ายุคนั้นยังไม่มีเทคโนโลยี ดังนั้นบรรดา อีหม่ามทั้ง 4 พวกเขาฟัตวาตามข้อมูลที่มีในช่วงเวลานั้น ไม่เหมือนกับในยุคปัจจุบันที่ทุกคนสามารถหาซื้อหนังสือฮะดิษศอฮีห์บูคอรี มุสลิมได้ทั่วไปด้วยตัวเองทุกอย่างอยู่ในแผ่น ซีดี ในหนังสือ อยู่แค่ปลายนิ้ว และ อีหม่ามได้กล่าวไว้ว่า ถ้าหากใครเจอการฟัตวาของฉันขัดแย้งกับอัลลอฮและรอซูล ให้ทิ้งการฟัตวาของฉัน ดร.ซากิร ไนก์บอกว่า วันนี้ทุกอย่างอยู่แค่เพียงปลายนิ้ว แค่คลิ๊ก ทุอย่างอยู่ต่อหน้าข้อมูลทุกอย่างได้ถูกรวบรวมไว้แล้วไม่เหมือนสมัยก่อน

ดร.ซากิน ไนก์ บอกว่าเขาเป็นผู้ตาม อีหม่าม มัสฮับทั้ง สี่ แต่ตามเฉพาะฮะดิษที่มีหลักฐานแข็ง 100% ของแต่ละมัสฮับและทิ้งทัศนะที่อ่อนหรือหลักฐานอ่อนของในแต่ละมัสฮับ ซากิร ไนก์ กล่าวว่าอีหม่ามทั้ง 4 มัสฮับ กล่าวว่า "ถ้าหากใครเจอ การฟัตวาของฉันขัดแย้งกับอัลลอฮและรอซูล ให้ทิ้งการฟัตวาของฉัน"

ความคิดเห็นจากผู้เขียน

การที่อีหม่ามทั้ง 4 ท่านมีความเห็นต่างกันในการวินิจฉัยฮะดิษ ไม่ได้หมายถึงว่าฮะดิษศอฮีห์ไม่ถึงพวกเขา หรือพวกเขามีหะดิษศอฮีห์ไม่มากพอเพราะ ทั้ง 4 ท่านเป็นอูลามาอ์มุจตะฮิดคือคนที่จำทั้งอัลกุรอานและฮะดิษเป็นแสนฮะดิษ และมีความรู้ในการฟัตวา ที่เป็นองค์ประกอบในการวินิจฉัยที่ลึกซึ้งกว่าดร.ซากิร ไนก์มากมายหลายเท่า การฟัตวาของอีหม่ามแต่ละท่านขึ้นอยู่กับความรู้ของแต่ละคนไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เข้าถึงหะดิษศอฮีห์ พวกเขาคือผู้ที่เกิดมาในยุคสาลาฟอยู่ในช่วง 300ปี แรก และยุคสาลาฟคือยุคที่ท่านนบี ศล.ได้กล่าวว่าคือยุคที่ดีที่สุด

ส่วนดร.ซากิร ไนก์ เกิดศตวรรศที่ 15 (ฮิจเราะห์ศักราช) จะเข้าใจหะดิษ มากกว่าพวกเขาทั้ง 4 ท่านได้อย่างไร และมีความรู้ในการตัคริชฮะดิษขนาดใหน เพราะบรรดาอีหม่ามทั้ง 4 ท่าน พวกเขายังทันที่จะเรียนกับบรรดาลูกหลานของศอฮาบัตเพราะลูกหลานศอฮาบัตเรียนรู้ปฎิบัติตามพ่อของตัวเองที่เป็นศอฮาบัตและบรรรดาศอฮาบัตได้เรียนรู้กับรอซูลุลเลาะห์ ศล. ส่วนซากิร ไนก์ คือคนในศตวรรศที่ 15 มั่นใจได้อย่างไรว่าตัวเองนั้นถูกต้องและใครเป็นคนรับรอง ดร.ซากิร ไนก์ ว่าเก่งกว่าบรรดาอีหม่ามทั้ง สี่ อีกอย่างดร.ซากิร ไนก์ อัลกุรอาน 30 ยุซ ก็ยังไม่จำ?

 

5.ทัศนะ ดร.ซากิร ไนก์ เกี่ยวกับการตะวัสซูล

ดร.ซากิร ไนก์ ได้ฟัตวาการตะวัสซุล ฮะรามและชีริก โดยมีหลักฐานจากอัลกุรอาน 25 ที่ที่อัลลอฮ ห้ามตะวัสซูล

คลิ๊กดูวีดีโอการบรรยาย เกี่ยวการฟัตวาของดร.ซากิร ไนก์ เกี่ยวกับการตะวัสซูล https://www.youtube.com/watch…

อูลามาอ์ จากศรีลังกาได้ถาม ดร.ซากิรไนก์เกี่ยวกับการฟัตวาของเขา ว่า 25 อายัตที่ ดร.ซากิร ไนก์ได้บอกว่า อัลลอฮได้ห้ามการตะวัสซูลนั้นมีอายัต อะไรบ้าง ? คลิ๊กดูวีดีโอ https://www.youtube.com/watch?v=PrI3n8vMStE ในวีดีโอกลุ่มอูลามาอ์ ที่ใช้ชื่อองค์กรว่าซุนนะห์ทรัช จากประเทศสรีลังกา ได้ถามความกระจ่างจาก ดร.ซากิร ไนก์ ว่า หลักฐานจากอัลกุรอาน 25 ที่ที่อัลลอฮได้ห้ามตะวัสซูล มีอายัตใหนบ้าง ดร.ซากิร ไนก์ ก็ไม่ได้ยกอายัตอัลกุรอาน 25 อายัต ตามที่ได้กล่าวไว้ แต่กลับหลีกเลี่ยงการตอบคำถามตรงหน้า และว่าจะส่งอีเมล์ตอบ ซึ่งเขาเคยถามคำถามเดียกันตอนพบดร.ซากิร ไนก์ ที่สนามบินดูไบและถามคำถามและหลักฐานเดียวกัน ก็ได้คำตอบในแบบเดียวกันคือให้เขียนอีเมล์แล้วจะส่งหลักฐานอัลกุรอานที่ได้ยกมาว่ามีหลักฐาน 25 ที่ในอัลกุรอานที่อัลลอฮได้ห้ามไว้ จนถึงวันนี้ก็ไม่ได้รับคำตอบ

และอูลามาอ์จากศรีลังการได้เขียนหนังสือเพื่อนัดพูดคุยกับ ดร.ซากิร ไนก์ ต้องการความกระจ่างในสิ่งที่เขาพูดหรือบรรยายเกี่ยวกับหลักการต่างๆ 3 ประเด็นด้วยกันเกี่ยวกับสิ่งที่ดร.ซากิรไนก์ ได้ฟัตวาไว้คือ

1.เรื่อง ตะวัสซูล

2.เรื่องการตามอีหม่ามมัสฮับ

3.เรื่องชีวิตของบรรดาท่านนบีในสุสาน

ก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน ซึ่งทำให้อูลามาอ์หลายคนสงสัยในความรู้ของเขา เพราะการถามตอบซึ่งหน้าท่านก็ไม่ยอมตอบและไม่ยอมยกหลักฐานที่ท่านได้ฟัตวาไว้เพื่อสร้างความกระจ่างและเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแต่ท่านกลับไม่ตอบคำถาม

อย่างไรก็ตามผมไม่ขอเป็นผู้ตัดสินว่าดร.ซากิร ไนก์มีอากีดะห์อย่างไร ขอให้เป็นหน้าที่ของอูลามาอ์ผู้รู้ และขอให้ท่านผู้อ่านฟังวีดีโอและตัดสินด้วยตัวเอง ไม่มีหลักเกณฑ์ใดในอิสลามที่ห้ามวิจารณ์ ดร.ซากิร ไนก์ และบอกว่าท่าน บริสุทธฺ์ฮารอมที่จะวิพากษ์วิจารณ์อันเนื่องจากท่านเป็นนักเผยแพร่ศาสนาและเป็นสาเหตุทำให้คนต่างศาสนิกเข้ารับอิสลามมากมาย ในขณะเดียวกัน ดร.ซากิร ไนก์ ได้วิจารณ์ ตัรยิห์ ดิสเครดิต อีหม่ามมัสฮับ ในขณะทีอีหม่ามมัสฮับเป็นมุจตะฮิดมุตลัก

ดั่งคำฟัตวาจาก มะห์มูดียา ฉบับที่ 27 หน้า. 403-407, ห้องสมุด มูฮัมมาดียา, และยาดีด ฟิกฮี มาซาอิล: เล่ม. 1 หน้า. 232) ได้เขียนเกี่ยวกับ ดร.ซากิร ไนก์ว่า

"ดร.ซากิร ไนก์ ได้ฟัตวาอนุญาติให้ปัจเจกบุคคลสามารถออกการฟัตวา เพราะ การฟัตวาหมายถึงการแสดงทัศนะ ซึ่งดูแล้วเหมือนง่ายมากในการ ออกฟัตวา แต่จริงๆแล้วสิ่งนี้เป็นอันตรายเป็นอย่างมากคือการเปิดมีอิสระให้แต่ละคนสามารถฟัตวา อิสระให้แต่ละคนในการตัฟซิรอัลกุรอานและฮะดิษ ในขณะที่ยังไม่มีความสามารถไม่มีความรู้ ไม่ว่าเรื่องอัลกุรอาน ฮะดิษ ภาษาอาหรับ และความรู้อื่นๆ ที่ลึกซึ้งพอ รวมถึงดร.ซากิร ไนก์ เองท่านไม่ใช่คนอาเล็ม และไม่ได้เป็นผู้รู้ในด้านฟิกฮ์ด้านอากีดะห์ของศาสนาอิสลาม ความเชี่ยวชาญของท่านคือด้านศาสนาเปรียบเทียบ ผลงานของเขาจึงไม่สามารถเป็นตัวชี้วัดในศาสนาอิสลาม"

แน่นอนเขาคือคนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการดีเบตศาสนาเปรียบเทียบ แต่เขาไม่ใช่อูลามาอ์ ในด้านการอ้างอิงด้านฮุกมของอิสลาม อัลลอฮให้ความสามารถกับเขาให้ความรู้ ท่องจำคัมภีร์ของต่างศาสนิกท่านท่องจำได้หมด จนคนต่างศาสนิกเข้ารับศาสนาอิสลาม แต่มันจะดีกว่าหากเรามีนักดะวะห์ที่สามารถให้ความกระจ่างให้คนต่างศาสนิกเข้ารับอิสลามเยอะๆ ที่อยู่บนอากีดะห์ อะห์ลุลซุนนะห์ วัลยามาอะห์ ไม่ใช่นักดะวะห์ที่สามารถให้ความกระจ่างให้คนต่างศาสนิกเข้ารับอิสลามเยอะๆแต่เข้ามาอยู่บนอากีดะห์ อัลลอฮมีรูปร่าง มีสถานที่ มีที่อยู่ ที่ไม่ใช่อากีดะห์ อะห์ลุลซุนนะห์วัลยามาอะห์ และไม่ได้ตามแนวทาง บรรดาสาลาฟู ศอและห์ แต่กลับสร้างความเข้าใจศาสนาด้วยตัวเอง และลดคุณค่าบรรดาคำฟัตวาขออูลามาอ์มุจตะฮิด

ทั้งหมดเป็นแค่ตัวอย่างเพียงส่วนหนึ่งยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้กล่าวถึงในเรื่องจุดยืนอากีดะห์และแนวทางฟิกฮ์ของดร.ซากิร ไนก์ ผู้เขียนคิดว่าเพียงพอสำหรับที่จะทำความเข้าใจแนวทางจุดยืนว่าเขาเป็นใคร เพื่อเป็นประโยชน์ให้คนอาวามในการติดตามเรียนรู้จากเขาอย่างมีสติต่อไป

ติดตามตอนที่ 3 ใครคือ ดร.ซากิร ไนก์ ตามทัศนะของอูลามาอ์ อะห์ลุลซุนนะห์ วัลยามาอะห์และคำฟัตวา ของอูลามาอ์ ต่อแนวทางของดร.ซากิร ไนก์ มีว่าอย่างไร?

วัลลอฮูอะลัม

 

อ่านตอนที่แล้วได้ที่

ใครคือ ดร.ซากิร ไนก์ และเขามีแนวทางอย่างไร? ตอนที่ 1 ชีวประวัติ ดร.ซากิรไนก์ และ เชคอะห์หมัด ดีดาต