ภาษาเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์ของคนมลายูมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คนส่วนใหญ่ในพื้นที่พูดมลายูถิ่นเป็นภาษาแม่ แต่ในอดีตลูกหลานของชาวบ้านกลับไม่ได้รับอนุญาตให้พูดภาษามลายูในโรงเรียนของรัฐ ไม่ต้องเอ่ยถึงการเรียนภาษานี้โดยผ่านระบบโรงเรียนรัฐ ครูในพื้นที่เล่าว่าแต่เดิมใครพูดภาษามลายูในโรงเรียนจะโดนหักเงินครั้งละบาท
อ.ต่วนเยาะ นิสานิ อาจารย์โรงเรียนบ้านประจันกำลังอธิบายรูปแบบวิธีการสอนภาษามลายูสำหรับเด็กเล็กในโครงการทวิภาษาซึ่งใช้วิธีเขียนด้วยอักษรไทย ในปีการศึกษา 2555 นี้จะมีการเริ่มสอนให้นักเรียนชั้นป. 3 เขียนด้วยอักษรยาวี
ภาษาจึงเป็นประเด็นหัวใจประเด็นหนึ่งที่เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นเป็นความรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนมลายูมุสลิมจำนวนหนึ่งมองว่าโรงเรียนเป็นสถานที่ที่รัฐไทยใช้เพื่อกลืนวัฒนธรรมของพวกเขา และนั่นดูเหมือนจะเป็นเหตุผลว่าทำไมโรงเรียนของรัฐหลายร้อยโรงจึงถูกเผา
ท่ามกลางกระแสความรุนแรง ทางศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดลได้ริเริ่มโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาท้องถิ่นและภาษาไทยเป็นสื่อ : กรณีการจัดการศึกษาแบบทวิภาษา (ภาษาไทย - ภาษามลายูถิ่น) ในโรงเรียนเขตพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ขึ้นในปี 2550 เป้าหมายสำคัญของโครงการนี้คือต้องการใช้ทุนทางภาษาและวัฒนธรรมที่เด็กมีอยู่ในการเชื่อมโยงไปสู่ภาษาไทย โดยคาดว่าเด็กจะมีพัฒนาการทางภาษาได้เร็วขึ้น คณะผู้วิจัยมองว่าการใช้ภาษาไทยเป็นสื่อในการเรียนการสอนเพียงอย่างเดียวอย่างที่ปฏิบัติกันมานั้นทำให้ผลการศึกษาของเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานของประเทศมาโดยตลอด
โรงเรียนที่เข้าร่วมในโครงการนำร่องนี้มี 4 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนบ้านประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โรงเรียนบ้านบึงนำใส อ.รามัน จ.ยะลา โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 10 (บ้านใหม่) อ.เมือง จ.นราธิวาส โรงเรียนตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
ในขณะที่โครงการทวิภาษานี้ได้รับความชื่นชมและเป็นที่พอใจของผู้ปกครองที่เห็นว่าบุตรหลานของตนมีพัฒนาการในการเรียนรู้เร็วขึ้น แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักคิดมลายูมุสลิมส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการสอนภาษามลายูผ่านอักษรไทยซึ่งเป็นระบบที่ไม่มีการใช้จริงในชีวิตประจำวัน การเขียนภาษามลายูนั้นเขียนได้สองระบบ คือ ใช้อักษรยาวีซึ่งเป็นระบบดั้งเดิมที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และการใช้อักษรโรมันซึ่งเป็นระบบมาตรฐานที่ใช้ในประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน เดิมมาเลเซียก็ใช้อักษรยาวีแต่ได้เปลี่ยนไปใช้อักษรโรมันในการเขียนในสมัยที่อังกฤษเข้ามาปกครอง อักษรยาวีจึงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของคนมลายูที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งก็มีความเสื่อมถอยลง ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาเพราะไม่ได้ถูกถ่ายทอดอย่างเป็นระบบผ่านโรงเรียนของรัฐ เยาวชนจะได้เรียนภาษามลายูอักษรยาวีก็ต่อเมื่อเขาเข้าเรียนวิชาศาสนาอิสลามในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามหรือปอเนาะดั้งเดิม
"Times New Roman";color:#73743A">
อ.ซาบีดิง สาและดิง ครูโรงเรียนบ้านประจัน กำลังฝึกให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พูดภาษามลายูกลางซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชามลายูศึกษา โดยในเทอมที่สองจะเริ่มสอนการเขียนด้วยอักษรยาวี (ภาพ : ฮัสซัน โตะดง)
“แน่นอนที่สุดวิธีการนี้คือวิธีการอาณานิคม” นายมันโซร์ สาและ รองประธานมูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้ซึ่งเป็นนักจัดรายการวิทยุภาษามลายูในจังหวัดยะลากล่าวถึงโครงการทวิภาษา เขาเป็นผู้หนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการสอนภาษามลายูด้วยอักษรไทย เขามองว่าโครงการนี้มีเจตนาแอบแฝงที่จะทำให้เด็กคุ้นเคยกับภาษาไทยและลืมภาษามลายู เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการผสมกลมกลืน (assimilation) ซึ่งเป็นวิธีการที่รัฐไทยพยายามใช้ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
นักเรียนรุ่นแรกในโรงเรียนนำร่องทั้งสี่แห่งได้ขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในปีนี้ ซึ่งทางนักวิจัยและผู้บริหารโครงการจะได้ริเริ่มให้มีการสอนการพูดและฟังภาษามลายูกลางและเขียนภาษามลายูด้วยอักษรยาวี โดยในปีถัดไปก็สอนการเขียนด้วยอักษรโรมัน (ในพื้นที่เรียกว่า “รูมี”) ความริเริ่มนี้น่าจะตอบโจทย์ความคลางแคลงใจของคนในพื้นที่ที่ตั้งคำถามกับการใช้อักษรไทยในการเขียนภาษามลายูได้บ้าง
นายแวยูโซะ สามะอาลี รองประธานฝ่ายบริหารโครงการทวิภาษาเปิดเผยว่าการสอนภาษามลายูด้วยอักษรยาวีจะอยู่ในวิชามลายูศึกษา โดยนอกจากภาษาแล้วจะมีการเรียนในเรื่องวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนมลายูมุสลิมด้วย
อ.แวมายิ ปารามัล อาจารย์ประจำภาควิชาภาษามลายู คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีซึ่งเป็นที่ปรึกษาโครงการทวิภาษาอธิบายว่าในเทอมแรกนี้จะเน้นที่เรื่องของการพูดและฟังภาษามลายูกลางก่อน เพราะที่ผ่านมาเด็กๆ เรียนภาษามลายูถิ่นซึ่งการออกเสียงจะแตกต่างจากภาษามลายูกลางเล็กน้อย โดยจะเริ่มสอนเขียนแบบอักษรยาวีในเทอมที่สอง โดยในช่วงแรก สื่อการสอนอักษรยาวีจะเป็นเอกสารแบบชั่วคราวและต่อไปจะมีการผลิตตำราด้วย
ศ.ดร.สุวิไล เปรมศรีรัตน์ ประธานที่ปรึกษาศูนย์ศึกษาและฟื้นฟูภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤติ สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวว่าการนำเอาอักษรยาวีมาสอนนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 นั้นอยู่ในแผนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในระดับชั้นอนุบาลและประถมตอนต้น เราเน้นที่การฟังและพูด ตอนนี้เราจะเริ่มสอนการอ่านและเขียนด้วยระบบอักษรยาวี และต่อไปในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็จะเริ่มสอนระบบอักษรโรมัน ซึ่งการเชื่อมกับอักษรโรมันจะเป็นการปูพื้นที่มีประโยชน์อย่างสำคัญสำหรับการรวมตัวของประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
นายมันโซร์กล่าวว่าเห็นด้วยที่ทางโครงการมีการเรียนสอนภาษามลายูด้วยอักษรยาวีและโรมันและคิดว่าโครงการนี้จะมีส่วนทำให้คนในพื้นที่มีทัศนคติต่อรัฐในทางที่ดีขึ้นเพราะเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับภาษาท้องถิ่น เขาคิดว่าการริเริ่มนี้จะช่วยลด “ความรู้สึกกดทับ” ที่คนมลายูมุสลิมคิดว่ารัฐไทยต้องการที่จะทำลายอัตลักษณ์ของท้องถิ่น
เขาอธิบายว่าการดำเนินการในเรื่องนี้จะเป็นผลบวกต่อการอธิบายกับประชาคมโลกอีกด้วย โดยเฉพาะกับองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ซึ่งได้จับตาการแก้ปัญหาคนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
ในระหว่างการเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงวันที่ 7 – 13 พฤษภาคม 2555 ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย นาย Sayed Kassem El-Masry ซึ่งเป็นที่ปรึกษาและผู้แทนพิเศษของเลขาธิการโอไอซีได้กล่าวว่า “เขารู้สึกดีใจที่เห็นว่ารัฐบาลได้เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษา เริ่มให้ความสำคัญกับการใช้ภาษาถิ่น คือการใช้ภาษามลายูควบคู่กับภาษาไทยในสถาบันการศึกษาของรัฐ ซึ่งเป็นมิตรหมายที่ดี และผมได้ทราบว่าเป็นโครงการนำร่องเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ….ซึ่งอย่างน้อยจะเป็นการรักษาซึ่งวัฒนธรรม อัตลักษณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในพื้นที่ให้ความสำคัญ”
นายมันโซร์กล่าวว่าผู้แทนระดับสูงโอไอซีได้พูดกับตัวแทนภาคประชาสังคมในภาคใต้ในช่วงที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยว่าเขาจะติดตามดูว่าประเทศไทยให้สิทธิต่อชนกลุ่มน้อยมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะในเรื่องภาษา เพราะว่าภาษาคืออัตลักษณ์ที่สำคัญ ทางโอไอซีสนับสนุนในเรื่องการให้สิทธิกลุ่มชนน้อยอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ นายมันโซร์แสดงความเห็นว่าการสอนภาษามลายูด้วยอักษรยาวีและโรมันจะเป็นการพัฒนาศักยภาพทางภาษาให้คนในพื้นที่เพื่อรองรับการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน เขาย้ำว่าภาษามลายูนั้นเป็นภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน
นอกจากการนำอักษรยาวีและโรมันมาใช้ในการเรียนการสอนในโรงเรียนนำร่องทั้งสี่แห่งแล้ว ศ.ดร.สุวิไลกล่าวว่าในปีนี้จะได้มีการขยายโครงการทวิภาษานี้ไปสู่โรงเรียนอีก 12 แห่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทางศอ.บต.จะให้งบประมาณสนับสนุนอีกด้วย
นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวก้าวสำคัญของรัฐในการเปิดพื้นที่ให้กับการรักษาอัตลักษณ์ของคนมลายูมุสลิม น่าจับตามองต่อไปว่าจะมีเสียงตอบรับจากคนในพื้นที่อย่างไรบ้าง
รายชื่อโรงเรียนใหม่ที่เข้าร่วมโครงการ “โรงเรียนทวิภาษา ” ในปี 2555
นราธิวาส
โรงเรียนกำปงปีแซ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส
โรงเรียนบ้านหัวคลอง อ.ตาบใบ จ.นราธิวาส
โรงเรียนบ้านลูโบ๊ะซามา อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
โรงเรียนบ้านบูเกะตาโมง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
ปัตตานี
โรงเรียนจือโร๊ะ อ.เมือง ปัตตานี
โรงเรียนบ้านลดา อ.เมือง จ.ปัตตานี
โรงเรียนบ้านกรือเซะ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
โรงเรียนบ้านบูโกะ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
โรงเรียนบ้านบน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ยะลา
โรงเรียนบ้านปงตา อ.รามัน จ.ยะลา
โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ อ.รามัน จ.ยะลา
โรงเรียนบ้านปาแดรู อ.ยะหา จ.ยะลา