เมื่อแม่สอนลูก .......ให้รวยน้ำใจ
อิสมาอีล เจ๊ะนิ ( มะแอ )
นักวิจัยศูนย์ศึกษาและพัฒนาธรรมาธิปไตย
26 ก.ค.53 เขียนมาด้วยใจสั่งมา
บันทึกนักวิจัยบ้านนอก วิจัยภายในตน ....ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาธรรมาธิปไตย (สาขาประจำพื้นที่ภาคใต้)
ไม่รู้จะคุยอย่างไรเหนาะในสภาวะสังคมสมัยใหม่แบบนี้ ทำไมชังมั่วอะไรอย่างนี้ ทำไมสังคมที่มีใครกำลังปฏิรูปแบบนี้มันชังตกร่องแบบนี้ ลูกอย่าได้โทษใครเลย โทษตัวเองเถอะ จงโทษตัวเอง จำไว้ ความจิงอาจไม่จิง สิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็น สิ่งที่มองทะลุ อาจมองไม่ทะลุ เรามืดแต่เขาสว่างก็ได้ ลูกอย่าได้คิดเลย ธรรมชาติของมนุษย์ เพราะมนุษย์ต่างก็แสวงหาความดี ความชอบ ความปรารถนา อยู่แล้ว จงคิด และตั้งสมาธิเถอะ มองให้ยาว มองอย่างเงียบ มองๆๆๆและจงมอง มองแล้วคิด คิดและไตร่ตรอง สมาธิคือสติจำไว้ลูก
อืมแม้วันนี้ลูกจะพูดมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ต่อไปนี้คงไม่อยากพูด พูดก็หาว่ากล่าวหา เจตนาจริงต้องการพัฒนา ต้องการปรับเปลี่ยนวิธีคิดการทำงาน ต้องการพัฒนาศักยภาพคน เราคิดว่าเรามาทำบุญ มาทำบุญให้กับประเทศไทย ทำบุญตอบแทนแผ่นดินเกิด ตอบแทนในฐานะส่วนหนึ่งเป็นพลเมืองของชาติ ตอบแทนพระองค์ท่านโดยเฉพาะสมเด็จพระเทพฯ พระองค์ให้โอกาสข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้าสัญญาใจเลยว่าจะตอบแทนแผ่นดินเกิดให้ได้ แม้จะมาทำงานกับองค์กรลักษณะแบบนี้ แบบต่างคนต่างจะเอาหน้าแสดงฝีมื้อและสร้างฉากแบบนี้ก็ยอม แต่ไม่รู้จะทนได้กี่น้ำ แต่ไม่เป็นไร ผมก็สัญญากับตัวเองว่าตราบไดที่ท่านเสธฯกิตติพันธ์ ยังทำงานให้กับสังคม ผมจะยอมเดินตามเจตจำนงตามท่าน อ้อลืมบอกว่าเจตจำนงเสรีมันมีอิสระ อิสระทั้งความคิด อิสระทั่งปัญญา ไม่ใช่ว่าผมยอมตายแทนท่าน ไม่ใช่ยอมตามทุกอย่าง แต่ท่านเป็นอ.ที่ฉันชอบ ชอบแนวคิด ชอบอุดมการณ์ ชอบวิสัยทัศน์ ชอบเจตนารมณ์ท่าน ผมอาจไม่รู้หรอกในใจท่านคิดอย่างไร หวังดีหรือหวังร้ายกับชุมชนสามจังหวัด แต่มะแอเชื่อใจว่าท่านบริสุทธิ์ใจ บริสุทธิ์ทั้งกายใจ ท่านเป็นคนมีธรรมะ ใจสูง ชอบทำบุญทำทาน ชอบช่วยชุมชน อ้อมะแอไม่ได้ย้อท่านหรอกแม่ เพราะมะแออยากพูดจากใจจริง เพราะลูกก็เฝ้ามองการทำงานของท่าน กับภรรยาท่าน ภรรยาท่านชื่ออ.บงกช ท่านเป็นคนดีมาก พูดได้อย่างเดียวเป็นคนดี แม่ถ้าลูกว่าดีก็ดี เพราะความดีอยู่ที่ไหนก็ดี ความดีเป็นสิ่งสากล สากลในชื่ออยู่แล้ว เพราะสถานะของความดีมันตรงข้ามกับความไม่ดี
อ้อจะบอกว่าลูกติดตามท่านมาตลอดด้วย ท่านทำงานหนักมากๆ คงไม่มีนายพลคนไหนเหรอกทำงานหนักแบบนี้ ท่านติดดิน ติดดินมากๆๆ ท่านเข้าใจสังคม ท่านเป็นนักพัฒนา นักวางยุทธศาสตร์มือ 1 ของประเทศ ท่านซื่อสัตย์และจริงใจ ท่านตรงไปตรงมา ก็จะเฝ้าติดตามท่านทำงาน จะเก็บประสบการณ์ของท่านและองค์ความรู้ของท่าน จะถอดบทเรียนของท่าน จะดูวิธีการทำงานของท่าน และจะดูการคลิกการพัฒนาแบบใหม่ของท่าน ถ้าลูกจะบอกว่าอันนี้แหละการปฏิรูปของประเทศไทยที่แท้จริง ถ้าจะพูดแบบนี้ก็ไม่ผิด อันนี้แหละที่ลูกไม่กล้าที่จะตัดสินออกจากพื้นที่แห่งนี้ ยอมทน ไม่เป็นไรแม้การสร้างงานอาจถูกตำหนิว่าช้า เยอะแยะบ้าง ไม่ได้เรื่องบ้าง ไร้เดียงสาบ้าง ก็ไม่เป็นไร คิดว่าการสร้างความรู้คงไม่ใช่สร้างได้ 1 วัน เพราะบางครั้งความรู้ก็มาโดยไม่ได้ตั้งใจ บางครั้งก็มาจากบางที่บางเวลา บางทีก็มาเอง บางครั้งก็มาให้เราเห็นเลย เลยบอกกับตัวเองตลอดว่าความรู้ช้า ถือว่าธรรมชาติของศาสตร์สมัยใหม่ๆ บางทีต้องใช้สมาธิในการมอง บางทีก็ต้องผ่านการตีความ บางทีก็ต้องมาเรียบเรียง แหม้ก็แต่ละวันวาทศาสตร์มันเกิดทุกวันนี่แม่ ใครชอบแสวงหาความรู้ได้แถบทุกวันเลย รู้ไหมแม่บางคำออกมาแบบว่าสดๆๆเลย นี้คือชุมชนแห่งความรู้นะในความเข้าใจของลูก ลูกจะบอกว่าชุมชนแห่งความรู้ที่นี้ไม่มีสถานะด้วย ไม่ได้มาจากนักวิชาการหัวสูงเหรอก นักพัฒนาที่ล้ำเลิศหรอก รู้ป่าววาทศาสตร์ได้จากคนในชุมชน รู้ไหมเกิดความรู้ทุกวันเลย เกิดคำศัพท์ใหม่ที่มาจากชุมชน เนี้ยเป็นความรู้แบบไหมรู้ไหม ถ้าจะบอกว่าเป็นความรู้ที่มีชีวิตก็ได้ หรือมากกว่านั้นจะบอกว่าความรู้ที่มีวิญญาณก็ได้ เนี้ยถ้าผมอยู่นานผมอาจเป็นเมธีในทุกด้านเลย
แม่ก็สอนผมตลอดว่าลูกเกิดมาพระเจ้าให้เราเป็นนักคิด นักวิพากษ์ นักเขียน นักบันทึก ไม่ได้เกิดมาให้เป็นนักพูด ลูกจึงพูดไม่เก่ง และลูกเกิดมาต้องติดดิน ติดดินที่จะสามารถแสวงความรู้จากชุมชน แต่ลูกเองก็อยากถามแม่เหมือนกันว่าแล้วแม่รู้อย่างไรว่าลูกติดดินละ ผมเห็นบางท่านต้องการติดฟ้า ติดยศ ติดชื่อเสียง ไม่ใช่เหรอ แต่ลูกเชื่อในคำพูดของแม่ แม่สอนลูกตลอดว่าลูกจงมีอุดมการณ์เถอะ ลูกจงชัดในแนวคิดและจิตวิญญาณ ลูกต้องเชื่อมั่น ศรัทธา และปฏิบัติ หากคิดว่าถูกต้อง หากคิดว่าทำไปแล้วชาติพัฒนา ชาติดี ชาติเจริญลูกจงทำ และจงอดทน ลูกเก่งในตัวลูกอยู่แล้ว ลูกฉลาดในตัวลูกอยู่แล้ว ลูกดีในตัวลูกอยู่แล้ว ฉะนั้นลูกต้องมอบความฉลาด ความเก่ง ความรู้ให้กับแผ่นดินเกิด ลูกต้องแสวงหาองค์ความรู้แบบไม่ใช่นักวิชาการ ที่ห่วงความรู้ ลูกรู้อะไรลูกให้เลย ลูกต้องให้ เพราะลูกเกิดมาคือผู้ให้ ลูกต้องให้ทั้งจิตวิญญาณ อย่าได้ห่วงความรู้เลย แต่ลูกต้องตระหนักเสมออย่าได้เป็นคนสูงความรู้เลย จงเป็นคนต่ำความรู้ เพราะความรู้มาจากที่ต่ำๆๆ ความรู้มาจากความเงียบ สำคัญความรู้แบบใหม่มาจากชุมชน ลูกหาเถอะ หาและเขียน เขียนแล้วให้ ถ้าลูกทำได้ลูกก็จะเป็นผู้ให้ ผู้รับ และผู้ให้ หมายความว่า รับไป หาให้ แล้วให้ต่อ ไม่ต้องกลัวหรอกชุมชนทางความรู้ มีอยู่ทุกวันนะลูก ลูกจงมีความสุขเถอะ ลูกเขียนเถอะ ลูกจดบันทึกเถอะ จดไป เพราะเกิดมาเป็นนักจดและนักเขียน เขียนง่ายๆๆตรงไปตรงมา ยิ่งจดให้ชาวบ้านอ่านได้ยิ่งดีใหญ่นะลูก ลูกจำไว้เมื่อความรู้ได้มาจากเขาลูกจงมอบกลับให้เจ้าของความรู้ให้แก่เขา เมื่อเราขโมยความรู้เขาเราต้องคืนให้เขาลูกจำไว้
นักวิจัยสมัยก่อน วิจัยๆๆๆๆแล้วเก็บ วิจัยๆๆๆแล้วสร้างผลงาน วิจัยๆๆๆๆหาตำแหน่ง วิจัยๆๆๆหาชื่อเสียง วิจัยๆๆๆๆหาเงินหาทุน ลูกมันได้แค่นี้แหละจำไว้ ลูกเกิดมาเป็นนักวิจัย แต่นักวิจัยต้องมีจรรยาบรรณ จรรยาบรรณคือไม่ลอก และต้องให้เกียรติกันและกัน สำคัญนักวิจัยต้องมีศักดิ์ศรี ต้องสูงในความดี นักวิจัยต้องเป็นที่พึ่ง นักวิจัยต้องเป็นที่แสวงหา และสำคัญนักวิจัยต้องเป็นมนุษย์ มีใจสูง ไม่ใจแคบ และต้องใจใหญ่ เปิดตาทั้งสิบทิศ มองแบบองค์รวม ไม่มองด้านมืดอย่างเดียวต้องมองด้านสว่าง แล้วคุณค่าความเป็นนักวิจัยก็จะมีพลังนะลูก ลูกจำไว้ทำงานอะไรจงทำให้งานนั้นมีความหมาย มีน้ำหนัก มีพลัง และมีจิตวิญญาณ มีชีวิตให้ได้ เนี้ยลูกต้องจำและต้องใส่ใจ
และลูกอย่าท้อง่าย การทำงานที่ยิ่งใหญ่ การจะได้ที่ยิ่งใหญ่ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เพราะบางครั้งการจะเป็นเจ้าของทฤษฎีนั้นอย่าใจง่าย ต้องใจเย็น หรือการที่จะเป็นเจ้าของโมเดล คุณก็ต้องเงียบๆ หรือการที่จะทำอะไรบางอย่างที่สะเทือนโลกก็ต้องค่อยๆทำ ทำอย่างธรรมชาติ หรือถ้าจะคิดจะทำอะไรในงานเพื่อโลกยิ่งต้องทำทุกเวลา งั้นทุกอย่างการทำงานย่อมมีอุปสรรค ลูกมาถูกทางแล้ว อะไรที่มาแบบแปลกแสดงว่าลูกก้าวมาถูกแล้ว ลูกจงเชื่อมั่น ศรัทธา และปฏิบัติซ้ำๆๆๆๆๆๆ ลูกจะมีสมาธิ ลูกก็ไม่ใช้อารมณ์ จะใจสูง สงบ หากลูกเครียดลูกก็ทำสมาธิ ลูกมีตัวนี้อยู่แล้ว ลูกต้องจัดระเบียบให้ได้ ถ้าลูกจะเป็นนักปราชญ์ ปราชญ์ย่อมต้องมีตัวตน ต้องมีสติ และต้องมีสมาธิ ต้องสงบ ใจนิ่ง ต้องอดทน และต้องแสวงหา ต้องมีจิตวิญาณสูง ต้องมีใจสาธารณะ ทำอย่างไรให้ใจเป็นศูนย์กลาง เป็นส่วนร่วม เป็นแหล่งทีพึ่งแห่งความทุกข์ และพร้อมใช้ปัญญาแก้ทุกข์ โดยเฉพาะทุกข์ของชาวบ้าน ลูกทำเถอะ ทำและทำ และทำ ทำเลย เพราะลูกเกิดมาเป็นผู้ให้
ลูกรู้หรือเปล่าโลกนี้ทุกข์ ทุกคนต่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ชิงชัง ชิงชัย ลูกตามไม่ทันหรอก แต่ลูกจงจำไว้ลูกจงชิงความดีเถอะ แม้มนุษย์อาจมองไม่ทะลุ แต่พระเจ้ามองทะลุ จงยึดมั่นในความดี สุดท้ายลูกจงมีแต่ให้เถอะ เพราะลูกเกิดมาฉลาดไม่พอถ้าใจเล็ก ลูกจะฉลาดมากกว่านี้ถ้าลูกมีแต่ให้
ขอบคุณคุณแม่ที่ให้ลูกมีตัวตน ขอบคุณแม่ที่ให้กำลังใจผม ลูกจะพยายามและแสวงหาและหามันให้เจอ ......
อิสมาอีล เจ๊ะนิ (คนบ้านนอกนี้เอง) บันทึก 26 ก.ค. 63