Skip to main content

 

(English Scroll Down)

 

สิ่งที่เกิดขึ้นกับบูคูเป็นเรื่องที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะแนวคิดเรื่องเพศสภาพ เพศวิถี และสิทธิมนุษยชน ล้วนเป็นองค์ประกอบของสันติภาพ ซึ่งผู้ที่ทำงานในประเด็นสันติภาพควรมองเห็นถึงความเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน

พวกเราที่ทำงานในประเด็นความหลากหลายทางเพศไม่เคยมีความต้องการควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงผู้อื่น ตรงกันข้าม เป้าหมายของพวกเราไม่ต่างจากพี่น้องชาวมลายูมุสลิม คือ อิสรภาพที่จะเป็นตัวของเราเองโดยปราศจากการถูกควบคุมแทรกแซงหรือเลือกปฏิบัติโดยรัฐ และหวังให้มนุษย์ทุกคนเป็นอิสระปราศจากการถูกควบคุมบังคับหรือเลือกปฏิบัติเช่นกัน ไม่ว่าจะมีอัตลักษณ์เช่นใดก็ตาม

ที่ผ่านมา นักกิจกรรมที่ทำงานในประเด็นความหลากหลายทางเพศจำนวนมากตระหนักถึงและให้กำลังใจการเรียกร้องความยุติธรรมของพี่น้องชาวมลายูมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกกดขี่ข่มเหงมาอย่างยาวนาน พวกเราต่อต้านกระแสความเกลียดชังมุสลิม (Islamophobia) ที่สร้างความแตกแยกในสังคม พวกเราส่งเสียงตำหนิรัฐบาลไทยและพม่าที่ปฎิบัติต่อชาวโรฮิงญาอย่างไร้มนุษยธรรม พวกเราไม่เห็นด้วยกับคำสั่งห้ามมุสลิมจากเจ็ดประเทศเข้าสหรัฐอเมริกา พวกเราต่อต้านความโหดร้ายของรัฐบาลอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ แม้รัฐบาลอิสราเอลจะพยายามแสดงท่าทีเป็นมิตรต่อสิทธิความหลากหลายทางเพศ

แต่ไม่ว่าพวกเราจะมีจุดยืนอย่างไร ก็เทียบไม่ได้กับบูคูที่เป็นแนวหน้าในการสร้างภราดรภาพและจุดเชื่อมโยงในประเด็นเหล่านี้ในพื้นที่จริง บ่อยครั้งที่บูคูจัดงานเสวนาต่างๆ ในประเด็นสันติภาพสามจังหวัดชายแดนใต้ จนถูกทหารไป “เยี่ยม” ถึงที่หลายครั้ง

จึงเป็นเรื่องน่าเสียใจที่บูคูถูกกล่าวหาอย่างเลื่อนลอย ว่าไปล้างสมองสอนพี่น้องในพื้นที่ให้กลายเป็นอื่น หากผู้ที่ใช้ข้อกล่าวหาเหล่านี้ตั้งใจฟังเสียงของตัวเองดีๆ ก็จะรู้ว่า นี่เป็นข้อกล่าวหาเดียวกับที่พี่น้องมุสลิมถูกกล่าวหาเพื่อสร้างความหวาดกลัวว่าในพื้นที่อื่นๆ คือ ถูกกล่าวหาว่าจะไปล้างสมองชักชวนให้คนอื่นๆ มาเป็นมุสลิม จนมีการต่อต้านการสร้างมัสยิดหรือโรงงานอาหารฮาลาลในบางจังหวัด

เป็นเรื่องน่าตกใจที่ผู้กล่าวหาบูคูผู้หนึ่งเป็นถึงนักวิชาการด้านสันติวิธี ท่านคงลืมไปว่า สันติภาพนั้นไม่ใช่แค่การไม่มีความรุนแรง (Negative peace) แต่สันติภาพที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีความยุติธรรมและการคุ้มครองส่งเสริมสิทธิเสรีภาพอย่างเท่าเทียมของมนุษย์ทุกคนที่อยู่ในสังคมนั้น (Positive peace) สิ่งนี้มิใช่หรือที่พี่น้องมลายูมุสลิมในภาคใต้มุ่งหวัง

พี่น้องมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนใต้เรียกร้องสิทธิในการกำหนดอนาคตของตน (Right to self-determination) มาอย่างยาวนาน แต่สิทธินี้ถ้าจะเกิดขึ้นได้จริง ก็ต้องเป็นสิทธิของทั้งหมดทุกคนในการกำหนดอนาคตของตน เป็นที่มาของความชอบธรรมและพลังในการกำหนดอนาคตร่วมของกลุ่ม ไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือเพศใดเพศหนึ่ง

เพราะหากเสียงของการเรียกร้องมาจากคนแค่บางส่วน ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งถูกปิดปากจนไม่อาจส่งเสียงได้ สิ่งที่ท่านเรียกร้องนั้นย่อมไม่ใช่สันติภาพ แต่คืออำนาจและการควบคุม และทำให้การเรียกร้องหมดความชอบธรรมลงโดยสิ้นเชิง ความสนับสนุนที่เคยได้รับก็อาจจะเหือดหายไป เพราะไม่มีใครอยากเห็นการปกครองแบบใหม่ที่ควบคุมกดขี่ไม่น้อยไปกว่าการปกครองแบบเก่า

ขอสันติภาพจงมีกับทุกคน

#บูคู

 

The berating, groundless accusations and threats against the organizers and participants of Buku Classroom are deeply deplorable, because gender, sexuality and human rights are integral components of peace whose indivisibility should be recognized by all peace activists

We, LGBTI activists, have no desire to control or change others. On the contrary, our goal is no different than that of our Malay Muslim brothers and sisters, that is, the freedom to be ourselves without interference or discrimination by the State, and we hope that all human beings – whatever their identities -- shall also be free from control and discrimination.

Many LGBTI activists have recognized and supported the fight for justice of our Malay Muslim brothers and sisters in the Deep South who have long been subjected to political and social oppression. We stand against the Islamophobia that is polarizing our society. We raised our voices to criticize the Thai and Myanmar governments for their inhumane treatment of Rohingya refugees. We oppose the US travel bans on Muslims from seven countries. And we protested against Israeli atrocities against Palestinians, even though the Israeli government presents itself as LGBTI-friendly.

But regardless of our position on these issues, none of us came close to the works Buku is doing in the Deep South, that is, to strengthen the solidarity and intersectionality of these causes. Buku hosted many events on the Patani peace process, and paid the price when they were “visited” by the military.

It is regrettable that Buku was accused of “brainwashing” others. If the accusers listen to their own words carefully, they will realize that these are the same fear-mongering accusations hurled against Muslims to oppose the construction of mosques and halal food factories in other parts of the country.

It is shocking that one of the accusers is himself a peace scholar who may have forgotten one of the basic tenets of peace studies. A true peace is not only an absence of violence (negative peace), but the presence of justice and protection and promotion of the rights of all human beings in society (positive peace). Is the latter not what our Malay Muslim brothers and sisters in Patani dream of?

Our Muslim brothers and sisters have long fought for the right to self-determination. But this can only exist for everyone and all, or it doesn’t exist at all. Self-determination of a group takes its legitimacy and power from the self-determination of each and all members of the group, not only from certain members or genders.

If a demand comes from only some people while others are silenced, what you are demanding is not for peace but for power and control. In that case, its legitimacy will be lost and its support will soon dry up because no one wants to see a new entity that is no less oppressive than the one it seeks to replace.

 

May peace be with everyone in Patani.

Paisarn Likhitpreechakul