เผยแพร่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560
ตามที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.วิญญู เทียมราช พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ให้ดำเนินคดีสามนักสิทธิมนุษยชนคือ นายสมชาย หอมลออ ที่ปรึกษาและอดีตประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ และ นางสาวอัญชนา หีมมิหม๊ะ ผู้นำกลุ่มด้วยใจ กล่าวหาว่าบุคคลทั้งสามคนได้ร่วมกันจัดพิมพ์และแจกจ่าย “รายงานสถานการณ์การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีฯ ในจังหวัดชายแดนใต้ ปี 2557 – 2558” และนำรายงานฯ ดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทำให้ กอ.รมน. ได้รับความเสียหายนั้น
ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 13:00 นาฬิกา นักสิทธิมนุษยชนทั้งสามคนจะเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานีที่ได้นัดหมายเพื่อส่งตัวพร้อมสำนวนการสอบสวนที่เห็นควรสั่งฟ้องใน 2 ข้อหาคือ 1)ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท และ 2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยนักสิทธิทั้งสามคนจะยื่นหนังสือหนังสือขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการในวันที่ 21 กพ. 2560 เวลาประมาณ 14.00 น. ณ สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี
จึงขอเชิญนักข่าวและผู้สนใจเข้าร่วมสังเกตการณ์ร่วมกับประธานกรรมการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ผู้สังเกตการณ์จากองค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศและต่างประเทศรวมทั้งตัวแทนจากสถานทูต
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม โทร 081-6424006
นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ทนายความ โทร 081-8987408
ลำดับเหตุการณ์คดีสามนักสิทธิ
วันที่ ๑o กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ภาคประชาสังคม ออกรายงานสถานการณ์การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ณ วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต
เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จึงมอบอำนาจให้กองอำนาจการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วน ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายสมชาย หอมลออ, น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ, นางสาวอัญชนา หีมมิน๊ะห์ ในข้อหา “ในความผิดฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕o”
เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ ๔ ส่วนหน้า โดย พันโทเศรษฐสิทธิ์ แก้วคูเมือง ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ให้ดำเนินการกับ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และนักสิทธิมนุษยชนทั้งสาม ในความผิดฐาน “ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕o”
เมื่อวันที่ ๑๓-๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ได้ส่งหมายเรียกถึงนักสิทธิมนุษยชนทั้งสามตามถิ่นที่อยู่ ขอให้ไปแสดงตนต่อพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทางอาญา
เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ พันตำรวจโท วิญญู เทียมราช รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองปัตตานี พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นักสิทธิมนุษยชนทั้งสามทราบ ในความผิดฐาน “ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕o” นักสิทธิมนุษยชนทั้งสามให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและขอให้การเพิ่มเติมในภายหลัง
เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ นักสิทธิมนุษยชนทั้งสามเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การเพิ่มเติมในประเด็นที่ได้ให้การปฏิเสธไว้แล้ว และขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานฝ่ายตนเพิ่มเติมจำนวนหนึ่งโดยได้ยื่นหนังสือไว้ พนักงานสอบสวนอนุญาต
เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ทนายความของนักสิทธิมนุษยชนทั้งสามได้พาพยานจำนวน ๓ คน เข้าให้การกับพนักงานสอบสวน และ เนื่องจากมีพยานอื่นอีกหลายคนที่ได้ขอให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มจึงได้ขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานฝ่ายผู้ต้องหาเเพิ่ม พนักงานสอบสวนอนุญาตด้วยวาจา
เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ทนายความของสามนักสิทธิมนุษยชนทั้งสาม ได้รับหนังสือจาก พันตำรวจเอกสาธิต กาญจนาภูวดล ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานีว่า ตามที่ทนายความได้ขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานเพิ่มเติมนั้น ได้ปรึกษากับผู้บังคับบัญชาแล้วไม่สามารถอนุญาตได้ขอให้ทนายความนำนักสิทธิมนุษยชนทั้งสามเข้าพบเพื่อส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ ในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ แต่ในวันดังกล่าวผู้ต้องหาติดภารกิจ
ทนายความและพนักงานสอบสวนจึงกำหนดวันเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ปัตตานี เพื่อส่งตัวสามนักสิทธิให้พนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี ในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เวลา ๑๓.๐๐ นาฬิกา