ผู้ก่อความไม่สงบโจมตีจุดตรวจกรงปินัง ตำรวจเจ็บ 12 นาย
ยะลา
เจ้าหน้าที่ตำรวจในสามจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า ในเวลาหลังตีหนึ่งของวันจันทร์ (3 เมษายน 2560) นี้ ได้เกิดเหตุคนร้ายโจมตีด่านตรวจในพื้นที่อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา จนทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 12 นาย โดยคนร้ายวางแผนกันมาอย่างดี
พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดยะลา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า คนร้ายที่ร่วมปฏิบัติเมื่อตอนหลังตีหนึ่งของวันจันทร์นี้นั้น ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ มีมากันกว่ายี่สิบคน และวางแผนกันมาอย่างดี
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เป็นเหตุการณ์ที่คนร้ายมีการวางแผน และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งหากเทียบสถิติการก่อเหตุของคนร้ายช่วงเดือนเมษายนของทุกปี จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในพื้นที่สูงกว่าเดือนอื่น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มีคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุไม่ต่ำกว่า 20 คน ส่วนใหญ่มาจากในพื้นที่ ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ทราบตัวกลุ่มคนร้ายแล้ว คาดว่าจะสามารถนำตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว" พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าว
ด้าน ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ขาวนวล รอง สว.สอบสวน สภ.กรงปินัง จ.ยะลา กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายกว่า 20 คน ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตรงจุดตรวจร่วมสามฝ่าย บริเวณตลาดกรงปินัง ม.7 อำเภอกรงปินัง ในขณะทำการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ หลังก่อเหตุ ก่อนคนร้ายได้โปรยตะปูเรือใบ วางระเบิดไปป์บอมบ์ และตัดต้นไม้ขวางเส้นทางสายหลักและสายรองในพื้นที่กรงปินัง เพื่อขัดขวางการติดตามของเจ้าหน้าที่
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด คนร้ายประมาณเกือบ 30 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ปีนขึ้นจากหลังคาบ้านซึ่งอยู่ติดกับจุดตรวจ แล้วใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่และได้ขว้างระเบิดโจมตี ทำให้เพลิงลุกไหม้ จนได้รับความเสียหาย ส่วนอีกชุด ยิงโจมตีจากด้านนอกด่าน
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบระเบิดไปป์บอมบ์ที่ไม่ทำงาน ซึ่งคนร้ายขว้างใส่จุดตรวจ แต่ไปติดตาข่าย จำนวน 5 ลูก และระเบิดไปป์บอมบ์ที่ระเบิดแล้วจำนวน 3 ลูก นอกจากนั้น ยังพบปลอกระสุนปืนอาก้า เอ็ม-16 และเอชเค-33 จำนวนหลายปลอก ตกอยู่ที่เกิดเหตุ
ในระหว่างทางที่หลบหนี คนร้ายได้ตัดต้นไม้ขวางถนน เผายางรถยนต์ และวางระเบิดไปป์บอมบ์บริเวณเสาไฟฟ้าริมทาง ได้รับความเสียหาย 1 ต้น และยังพบระเบิดไปป์บอมบ์ที่ไม่ทำงาน อีก 8 ลูก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ และคนร้ายหวังตอบโต้จากเหตุวิสามัญที่รือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับร้องเรียน กรณีญาติผู้ต้องสงสัยในรือเสาะถูกยิงเสียชีวิต
เมื่อวันพุธที่ 29 มี.ค. 2560 เจ้าหน้าที่ได้กระทำวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคงสองราย คือ นายอาเซ็ง อูเซ็ง อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับหลายคดี และนายอิสมาแอ หามะ อายุ 28 ปี ที่เดินทางมาในรถยนต์คันเดียวกัน เสียชีวิตในพื้นที่อำเภอรือเสาะ นราธิวาส โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าทั้งสองคนได้ยิงเจ้าหน้าที่ก่อนจึงต้องยิงตอบโต้ แต่น้องสาวของนายอิสมาแอที่อยู่ในเหตุการณ์อ้างว่า พี่ชายตนไม่มีอาวุธ ส่วนญาติไม่เชื่อรายงานเจ้าหน้าที่ จึงได้เรียกร้องความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน
ในเรื่องนี้ พล.ต.ต.มนัส ศิกษมัต ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวในวันนี้ว่า ตนยังไม่เห็นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม จากครอบครัวของนายอิสมาแอ และแนะนำว่า สามารถขอความเป็นธรรมไปยังต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ที่ลงอยู่ในเหตุการปะทะได้
"เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ยังไม่เห็นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมของครอบครัวเลย ซึ่งถ้าหากทางครอบครัวมองว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ก็สามารถร้องเรียนไปยังต้นสังกัดได้เลย ส่วนตำตรวจเป็นเพียงผู้ทำสำนวนคดี” พล.ต.ต.มนัส กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร ยืนยันว่าทั้งสองเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงรถผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในอำเภอรือเสาะ รวมทั้งบุตรชายอายุเพียง 8 ขวบ จนมีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2560 และเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสะกดรอยตามนายอาเซ็ง และนายอิสมาแอ มาระยะหนึ่งก่อน
"ยืนยันทั้งสองคนเป็นคนร้ายจริง หนึ่งในคนร้ายพบ มีคดี 5 หมาย จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุมีการยิงออกมาจากในรถ ส่วนผลการตรวจสอบอาวุธก็ตรงกับเหตุที่คนร้ายไปยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ในพื้นที่ อ.รือเสาะ และยังพบอีกว่ายังมีการก่อเหตุในพื้นที่อีกหลายคดี เจ้าหน้าที่พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเสมอ" พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวก่อนหน้านี้
ด้านนายมะงอนี หามะ บิดาของนายอิสมาแอ หามะ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าลูกเป็นคนร้าย เพราะในวันเกิดเหตุในกระเป๋ามีแต่หนังสือกับปากกา ส่วนปืน ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหน ส่วนนายอาเซ็ง อูเซ็ง ผู้ที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมอีกคนหนึ่งนั้น มีหมายจับจริง และหนีจากบ้านนานเป็นปีแล้ว แต่ไม่ทราบว่าไปเจอกันได้อย่างไร ทราบแต่ว่าลูกชายจะพาน้องสาวไปกินก่วยเตี๋ยว กระทั่งมีข่าวถูกยิงเสียชีวิต
“ขอเรียกร้องให้ทุกหน่วยงานแก้ข่าวให้ลูกชายด้วย เพราะไม่ใช่คนร้าย ไม่เคยมีหมายจับ ลูกชายจบการศึกษาจากอินโดนีเซีย และปัจจุบันเป็นครูสอนศาสนา ส่วนลูกสาวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตอนนี้อยู่ในอาการซึมเศร้า ไม่อยากพูดกับใคร และก่อนหน้านี้ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่ง จนเครียดหนัก ร้องไห้ตลอดเวลาไม่ยอมพูดกับใครเลย" นายมะงอนี กล่าว
ในเรื่องนี้ องค์กรมาราปาตานี โดย นายอาบูฮาฟิส อัลฮาคิม โฆษกของกลุ่มมาราปาตานี ที่เจรจาสันติภาพกับรัฐบาลไทย ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ เรียกร้องให้มีการสอบสวนสืบสวนเหตุที่เกิดขึ้นโดยละเอียด เกี่ยวกับการเสียชีวิตของทั้งสอง และชี้ถึงรายงานที่ขัดแย้งกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจและน้องสาวของผู้ต้องสงสัย
ราซลาน ราชิด ในกัวลาลัมเปอร์ มีส่วนร่วมในรายงานฉบับนี้