เบื้องหลังกำปั้นอเมริกาและรัสเซีย
------------------------------------------------
บทวิเคราะห์โดย อัรดาน เซนตุร์ก นสพ.star ของตุรกี
แปลโดย ดร.ฆอซาลี เบ็ญหมัด
ผลที่ปรากฏภายหลังจรวดโทมาฮอก 59 ลูกถูกยิงออกจากเรือรบอเมริกาที่ลอยลำอยู่ในทะเลเมดิเตอเรเนียน หลายๆคนสะใจ หายแค้น และล้างมือเปื้อนเลือดของบะชัร อะซัด ให้ได้โอกาสเริ่มต้นการเข่นฆ่าครั้งใหม่อีก
รู้ไว้เถอะ แม้อเมริกาพบหลักฐานว่ารัสเซียมีส่วนในการใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าชาวเมืองอิดลิบหรือรู้เห็นเป็นใจ อเมริกาก็จะไม่มีวันแถลงความจริง แต่จะเก็บไว้เบล็คเมล์ปูตินในอนาคต
24 ชั่วโมงก่อนการโจมตีของอเมริกาด้วยเหตุผลว่าซีเรียใช้อาวุธเคมี การติดต่อสื่อสารระหว่างรัสเซียกับอเมริกา เป็นไปอย่างเข้มข้นทุกระดับ มีการต่อรองจนบรรลุข้อตกลงว่า ให้โจมตีอย่างจำกัดและไม่กระทบต่อสเถียรภาพของอะซัด โดยให้รัสเซียทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ให้แสดงปฏิกริยาได้พอสมควร
จากการโจมตีดังกล่าว ทำให้ทรัมป์พ้นจากข้อหาว่ามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับรัสเซียที่กำลังโดนเล่นงานอยู่อย่างหนักหน่วงในระยะนี้ ส่วนอะซัดก็ยังคงปกครองดามัสกัสต่อไปจนครบวาระ และร่วมเข่นฆ่าชาวมุสลิมในซีเรียและอิรักร่วมกับหิสบุลลาห์ อเมริกาและรัสเซียต่อไป
เราจะต้องไม่ถูกหลอกจากการเสแสร้งโจมตีกันระหว่างสองมหาอำนาจบนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยคำโกหกหลอกลวงผสมกับคราบเลือดและน้ำตาของชาวมุสลิมผู้บริสุทธิ์
อย่าลืมว่าระเบิดถังน้ำมันก็คือระเบิดเคมี ระเบิดฟอสฟอรัสที่ถูกโยนใส่เขตชุมชนในซีเรียก็สารเคมี อาวุธที่มหาอำนาจทดลองใช้อยู่ในอิรักและซีเรีย ร้ายแรงกว่าอาวุธเคมีเหล่านั้นมากมาย
หากอาวุธเคมีคือเส้นแดง แล้วโลกทำอะไรอยู่ขณะที่กลุ่มไอสิสสังหารชาวเติร์กมันในเมืองโมซุลสองพันกว่าศพ ในปี 2014 ด้วยอาวุธเคมี
นับตั้งแต่ปี 2003 ชาวมุสลิมถูกเข่นฆ่าไปแล้วราวๆ 15 ล้านคน ทั้งในอัฟกานิสถาน อิรัก เยเมน ซีเรีย และลิเบีย เราจะลืมเรื่องราวเหล่านั้นด้วยเหตุอเมริกาโจมตีอะซัดด้วยโทมาฮอก 59 ลูกกระนั้นหรือ
เราต้องการให้อเมริกาออกไปจากดินแดนแห่งนี้
เราต้องการให้รัสเซียเลิกอยู่ภายใต้ "ฮิตเลอร์น้อย" และรับฟังเราบ้างก่อนที่จมปลักถอนตัวไม่ขึ้น
http://www.turkpress.co/node/33014