Skip to main content

 

|| The Questions of Life: 5/6 ||

 

 

ความจริงใครที่ได้ใคร่ครวญถึงจักรวาลที่เขาอาศัยอยู่นี้ เขาจะพบว่า แต่ละสิ่งจะมีภาระหน้าที่และทำงานรับใช้สิ่งอื่นเพรียบพร้อมกันไป สรรพสิ่งทั้งมวลในชั้นฟ้าและแผ่นดินถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่มนุษย์ เราพบว่าน้ำมีอยู่ในพื้นดิน พื้นดินเป็นที่ที่พืชและสัตว์เจริญเติบโตเพื่อเป็นอาหารแก่มนุษย์ แล้วมนุษย์ล่ะเกิดมาเพื่ออะไร? นี่คือคำถาม

อัลลอฮฺเป็นผู้สร้างมนุษย์และทรงบริหารทุกกิจการของพระองค์ ดังนั้น เราจึงควรถามพระองค์ว่า “โอ้ พระผู้อภิบาล! ทำไมพระองค์จึงสร้างมนุษย์ขึ้นมา? พระองค์สร้างขึ้นมาเพียงเพื่อดื่ม เพื่อกินเท่านั้นหรือ? พระองค์สร้างมนุษย์ขึ้นมาเพียงเพื่อให้มนุษย์หลงระเริงในโลกนี้เท่านั้นหรือ? พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาเพียงเพื่อให้ท่องเที่ยวไปบนโลกนี้ ดื่มกินจากผลที่ได้มาจากดิน แล้วก็กลับสู่ดินเพียงเท่านั้นหรือ? หรือมนุษย์เกิดมาเพื่อมีชีวิตอยู่ในระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างช่วงเวลาแห่งเสียงร้องขณะลืมตาดูโลก กับช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดขณะสิ้นลมหายใจเพียงเท่านั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้น ทุกพละกำลัง ความคิด ความต้องการ และวิญญาณที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ จะมีประโยชน์อันใด และอะไรคือความหมายของความลี้ลับที่อยู่เบื้องหลังสรรพสิ่งเหล่านี้?

ทำไมมนุษย์จึงถูกสร้างขึ้นมา? สำหรับผู้ศรัทธา คำตอบที่ได้รับการเน้นจากธรรมชาติของมนุษย์ และสอดคล้องกับกฏของการบังเกิดจักรวาล คือ มนุษย์เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ เพื่อให้รู้จักอัลลอฮฺ เพื่อทำการภักดีต่อพระองค์ เพื่อปฏิบัติภารกิจที่พระองค์ได้กำหนดไว้เท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์ถูกบังเกิดขึ้นมาเพื่อสิ่งอื่น ไม่ว่าจะอยู่ในโลกนี้ หรืออยู่ในห้วงจักรวาลใดๆ เพราะสรรพสิ่งทั้งมวลในชั้นฟ้าและแผ่นดิน ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่มนุษย์ สิ่งเหล่านี้จะเคลื่อนไหวหรือทำงานเพื่อรับใช้มนุษย์ดังที่เราได้ประจักษ์อยู่แล้ว แล้วทำไมมนุษย์ถึงต้องไปรับใช้สิ่งอื่นนอกเหนือจากอัลลอฮฺอีกเล่า?

ในคัมภีร์อันนิรันดร์ของพระองค์ อัลลอฮฺได้ให้คำตอบแก่คำถามดังกล่าวคือ อัลลอฮฺทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาเพื่อเป็นเคาะลีฟะฮฺ (ตัวแทน) ของพระองค์บนโลกนี้ ซึ่งเรื่องนี้ปรากฎชัดเจนในเรื่องราวเกี่ยวกับนบีอาดัมและความใฝ่ฝันของมะลาอิกะฮฺที่จะขอรับเป็นเคาะลีฟะฮฺให้กับพระองค์เสียเอง

وَإِذْ قَالَ رَبُّكَ لِلْمَلَائِكَةِ إِنِّي جَاعِلٌ فِي الْأَرْضِ خَلِيفَةً ۖ قَالُوا أَتَجْعَلُ فِيهَا مَن يُفْسِدُ فِيهَا وَيَسْفِكُ الدِّمَاءَ وَنَحْنُ نُسَبِّحُ بِحَمْدِكَ وَنُقَدِّسُ لَكَ ۖ قَالَ إِنِّي أَعْلَمُ مَا لَا تَعْلَمُونَ

และ[โอ้ มูฮำมัด] จงรำลึกเมื่อครั้งที่พระผู้อภิบาล (ร็อบบฺ) ของเจ้าได้ตรัสแก่มวลมลาอิกะฮฺว่า "แท้จริงข้าจะแต่งตั้งให้มีขึ้นซึ่งเคาะลีฟะฮฺ (ตัวแทนของพระองค์) บนหน้าแผ่นดิน" บรรดามลาอิกะฮฺได้ทูลขึ้นว่า "พระองค์จะทรงตั้งผู้ที่จะก่อการเสียหายและหลั่งเลือดกันในแผ่นดินกระนั้นหรือ ทั้งๆ ที่เรากล่าวสดุดีด้วยการแซ่ซ้องสรรเสริญ (และปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์) และเทิดทูนความบริสุทธิ์ในพระองค์" [อัลลอฮฺ]ทรงตรัสว่า "แท้จริงข้ารู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้" (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 2:30)

ประการสำคัญเกี่ยวกับคุณสมบัติต่อตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺก็คือ การทำมนุษย์ให้รู้จัก (มะอฺริฟะฮฺ) อัลลอฮฺอย่างแท้จริง และทำความภักดี (อิบาดะฮฺ) ต่อพระองค์อย่างจริงจัง

اللَّـهُ الَّذِي خَلَقَ سَبْعَ سَمَاوَاتٍ وَمِنَ الْأَرْضِ مِثْلَهُنَّ يَتَنَزَّلُ الْأَمْرُ بَيْنَهُنَّ لِتَعْلَمُوا أَنَّ اللَّـهَ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ وَأَنَّ اللَّـهَ قَدْ أَحَاطَ بِكُلِّ شَيْءٍ عِلْمًا

"อัลลอฮฺผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ด และทรงสร้างแผ่นดินเยี่ยงนั้น โดยคำบัญชาของพระองค์ลงมาท่ามกลางมัน (ชั้นฟ้าและแผ่นดิน) เพื่อพวกเจ้าจะได้รู้ว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่ง และแท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยความรู้[ของพระองค์]" (อัฏ-เฏาะลาก 65:12)

ในโองการนี้ เราจะเห็นว่า การรู้จักอัลลอฮฺนั้นเป็นเป้าหมายสำคัญของการสร้างทุกสรรพสิ่งทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน ตามกฎธรรมดาโดยทั่วไป และกฎของการบังเกิดจักรวาลแล้ว มนุษย์เป็น “มัคลูก” ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่ออัลลอฮฺ มิใช่เพื่ออื่นใดนอกเหนือจากถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ “อิบาดะฮฺ” ต่อพระองค์ มิใช่ “อิบาดะฮฺ” ต่อมนุษย์ด้วยกัน หรือ “อิบาดะฮฺ” ต่อ หิน ศิลา ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือสิ่งถูกสร้างอื่นๆ ; จากจุดนี้ การที่มนุษย์ไปกราบไหว้บูชาสิ่งอื่นนอกเหนือจากอัลลอฮฺ จึงเป็นการกระทำที่ลดฐานะอันทรงเกียรติของมนุษย์ และเป็นการพลิกกลับบทบาทและสถานะที่แท้จริงของมนุษย์ กับสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พวกเขา

وَمَا خَلَقْتُ الْجِنَّ وَالْإِنسَ إِلَّا لِيَعْبُدُونِ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดี (อิบาดะฮฺ) ต่อข้า" (อัซ-ซาริยาต 51:56)

คำเชิญชวนอันดับแรกของบรรดาศาสนาทูตของอัลลอฮฺคือ ท่านจง “อิบาดะฮฺ” ต่ออัลลอฮฺเถิด ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ จง “อิบาดะฮฺ” ต่อพระองค์เท่านั้น นี่คือพันธะสัญญาดั้งเดิมของอัลลอฮฺที่มีต่อมนุษยชาติทุกรุ่นทุกสมัย และทรงกำหนดไว้เป็นลักษณะธรรมชาติของมนุษย์ ตั้งแต่ที่พระองค์ได้ประทานสติปัญญาความคิดแก่มนุษย์ และตั้งแต่ที่พระองค์ได้สร้างสิ่งแวดล้อมอันหลากหลายเพื่อเป็นทางนำให้แก่มนุษย์

อัล-กุรอานได้บรรยายถึงสัญญาระหว่างพระองค์กับบ่าวของพระองค์ในลักษณะที่สละสลวยที่สุด

وَإِذْ أَخَذَ رَبُّكَ مِن بَنِي آدَمَ مِن ظُهُورِهِمْ ذُرِّيَّتَهُمْ وَأَشْهَدَهُمْ عَلَىٰ أَنفُسِهِمْ أَلَسْتُ بِرَبِّكُمْ ۖ قَالُوا بَلَىٰ ۛ شَهِدْنَا ۛ أَن تَقُولُوا يَوْمَ الْقِيَامَةِ إِنَّا كُنَّا عَنْ هَـٰذَا غَافِلِينَ . أَوْ تَقُولُوا إِنَّمَا أَشْرَكَ آبَاؤُنَا مِن قَبْلُ وَكُنَّا ذُرِّيَّةً مِّن بَعْدِهِمْ ۖ أَفَتُهْلِكُنَا بِمَا فَعَلَ الْمُبْطِلُونَ

"และ[จงรำลึก] เมื่อครั้งที่พระผู้อภิบาล (ร็อบบฺ) ของเจ้าทรงนำผู้สืบพงษ์พันธุ์ของพวกเขาออกมาจากกระดูก[สันหลังตอนเอว]ของลูกหลานอาดัม และทรงบันดาลให้พวกเขาเป็นสักขีพยานด้วยตัวของพวกเขาเอง [และพระองค์ทรงตรัสว่า] "ข้ามิใช่พระผู้อภิบาล (ร็อบบฺ) ของพวกเจ้าหรอกหรือ?" พวกเขาตอบว่า “ใช่อย่างแน่นอน พวกเราเป็นพยานยืนยันในเรื่องนี้” [เราได้ทำเช่นนี้]ด้วยเกรงว่ามิฉะนั้นพวกเจ้าจะกล่าวในวันแห่งการฟื้นคืนชีพว่า "พวกเราไม่รู้ในเรื่องนี้เลย" หรือไม่พวกเจ้าก็จะกล่าวว่า "แท้จริง บรรพบุรุษของพวกเราได้ทำการตั้งภาคีมาก่อน และพวกเราเป็นลูกหลานที่มาหลังจากพวกเขา แล้วพระองค์จะทรงทำลายล้างพวกเรา เนื่องด้วยการกระทำของบรรดาผู้กระทำผิดเหล่านั้นหรือ" (อัล-อะอฺรอฟ 7:172-173)

จึงไม่เป็นที่แปลกใจ เมื่อพูดถึงจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดที่อัลลอฮฺทรงส่งบรรดาเราะสูลและนบี และประทานคัมภีร์ลงมา เพื่อตักเตือนหรือเตือนสติแก่มนุษย์ทั้งมวล เกี่ยวกับสัญญาดั้งเดิม จากสนิมเกรอะแห่งความละเลยและอวิชชา จากการกราบไหว้รูปปั้นและการเชื่องมงาย เป็นคำเชิญชวนอันดับแรกสุดและสำคัญที่สุด ซึ่งด้วยการเรียกร้องเหล่านี้ ที่นบีนูหฺ นบีฮูด นบีศอลิฮฺ นบีอิบรอฮีม นบีลูฎ นบีชุอัยบฺ ต่างก็เชิญชวนประชาชาติของท่าน และบรรดาเราะสูลเหล่านี้ก็ได้ถูกส่งไปยังประชาชาติที่ปฏิเสธคำเชิญชวนดังกล่าว

وَلَقَدْ بَعَثْنَا فِي كُلِّ أُمَّةٍ رَّسُولًا أَنِ اعْبُدُوا اللَّـهَ وَاجْتَنِبُوا الطَّاغُوتَ ۖ فَمِنْهُم مَّنْ هَدَى اللَّـهُ وَمِنْهُم مَّنْ حَقَّتْ عَلَيْهِ الضَّلَالَةُ ۚ فَسِيرُوا فِي الْأَرْضِ فَانظُرُوا كَيْفَ كَانَ عَاقِبَةُ الْمُكَذِّبِينَ

"และโดยแน่นอน ในทุกๆ ประชาชาติ เราได้แต่งตั้งศาสนทูต (เราะสูล) ขึ้นมา [โดยให้เขาประกาศว่า] "พวกท่านจงเคารพภักดี (อิบาดะฮฺ) ต่ออัลลอฮฺ และจงหลีกหนีให้พ้นห่างจากพระเจ้าปลอม (ฏอฆูต)" ดังนั้น ในหมู่พวกเขาจึงมีผู้ที่อัลลอฮ์ทรงนำทาง ในขณะที่บางคนความหลงผิดก็ได้อุบัติแก่เขา ดังนั้นพวกเจ้าจงท่องไปในแผ่นดิน แล้วจงดูว่าบั้นปลายของผู้ปฏิเสธนั้นเป็นเช่นไร" (อัน-นะหฺลุ 16:36)

وَمَا أَرْسَلْنَا مِن قَبْلِكَ مِن رَّسُولٍ إِلَّا نُوحِي إِلَيْهِ أَنَّهُ لَا إِلَـٰهَ إِلَّا أَنَا فَاعْبُدُونِ

"และเรามิได้ส่งศาสนทูต (เราะสูล) คนใดก่อนหน้าเจ้า นอกจากเราได้ประทานการเปิดเผย (วะหฺยุ) แก่เขาว่า "ไม่มีพระเจ้า (อิลาฮฺ) อื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นพวกเจ้าจงเคารพภักดี (อิบาดะฮฺ) ต่อข้าเถิด" (อัล-อัมบิยาอ์ 21:25)

ดังนั้นการ "อิบาดะฮฺ" ต่ออัลลอฮฺจึงเป็นหน้าที่ที่จะต้องกระทำจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เป็นหน้าที่ที่จะต้องกระทำจนกว่าจะถึงวันที่เรากลับคืนสู่พระองค์ มนุษย์ทุกคนจะไม่หลุดพ้นจากหน้าที่ดังกล่าว แม้เขาจะมีจิตใจที่สูงส่งหรือมีความสัมพันธ์กับอัลลอฮฺที่แน่นแฟ้นเพียงใดก็ตาม นี่คือ สภาพของบรรดานบี พวกเขาจะ “อิบาดะฮฺ” ต่ออัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา แม้ในยามเจ็บไข้ได้ป่วย จนกระทั่งสู่วาระสุดท้ายของชีวิต จึงเป็นที่แน่ชัดว่า ศาสนาได้เรียกร้องให้มนุษย์ “อิบาดะฮฺ” ต่ออัลลอฮฺ ผู้ที่ควรค่าแก่การได้รับการ "อิบาดะฮฺ" ที่แท้จริงแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น บรรดานบีและเราะสูลเป็นบุคคลแรกที่นำมนุษย์ให้ “อิบาดะฮฺ” ต่อพระองค์ ดังนั้น การ “อิบาดะฮฺ” ต่ออัลลอฮฺจึงเป็นภารกิจหลักและเป้าหมายที่แท้จริงของมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาบนโลกใบนี้

 

| เพื่ออะไร?

ชัยค์ ยูสุฟ อัล-เกาะเราะฎอวีย์

 

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

The Questions of Life: 1/6 โดย ชัยคฺ ดร.ยูสุฟ อัล เกาะเราะฎอวียฺ

The Questions of Life: 2/6 โดย ชัยคฺ ดร.ยูสุฟ อัล เกาะเราะฎอวียฺ

The Questions of Life: 3/6 โดย ชัยคฺ ดร.ยูสุฟ อัล เกาะเราะฎอวียฺ

The Questions of Life: 4/6 โดย ชัยคฺ ดร.ยูสุฟ อัล เกาะเราะฎอวียฺ