Skip to main content

 

นายกฯ สั่งตรวจสอบรายงานสมาชิกไอเอส 1 ราย หลบหนีเข้าชายแดนภาคใต้

 

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์ และ ราซลาน ราชิด
ปัตตานี และ กัวลาลัมเปอร์
 
 
    MY-Police-620
    เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายระดับสูงของมาเลเซีย ในงานวันตำรวจแห่งชาติครั้งที่ 210 ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560
     เอเอฟพี
     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ในวันพุธ (3 พฤษภาคม 2560) นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกำลังตรวจสอบรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียที่ว่า มีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกไอเอสหนึ่งรายหลบหนีเข้าประเทศไทยทางด้านอำเภอสุไหงโกลก ตั้งแต่เดือนมีนาคม ศกนี้และหากพบตัวจะประสานงานในเรื่องการส่งตัวกลับต่อไป

    "ผมยืนยันว่า ไม่มีคนไทยเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่มีหลักฐานในเรื่องนี้ แต่ความเชื่อมโยงกับประเทศอื่นๆ ก็เป็นอีกคนละเรื่อง เพราะไม่ได้มีแค่ประเทศไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล

    ในวันนี้ คาลิด อาบู บาคาร์ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจมาเลเซีย ได้ออกเอกสารแถลงข่าวว่า ในห้วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนนี้ ตำรวจมาเลเซีย ได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มไอเอส รวมหกคน ในการกวาดล้างในรัฐ 5 รัฐของประเทศ แต่มีผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งราย คือ นายมูฮัมหมัด มุซซาฟฟา อารีฟ จูไนดิ (Muhammad Muzaffa Arieff Junaidi) อายุ 27 ปี สามารถหลบหนีการจับกุมไปได้ และเชื่อว่า ได้หลบหนีเข้าประเทศไทยทางด้านอำเภอสุไหงโกลก

    “เราเชื่อผู้ต้องสงสัยหนีเข้าชายแดนใต้ทางด้านสุไหงโกลก เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พร้อมอาวุธสองกระบอก คือ ปืนเอ็ม-4 และปืนพก” คาลิด อาบู บาคาร์ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจมาเลเซีย กล่าวผ่านเอกสาร

    ด้าน พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานคนเข้าเมือง กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่า นายมูฮัมหมัด มุซซาฟฟา อารีฟ จูไนดิ ได้เดินทางเข้าประเทศไทยโดยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองใดๆ

    "ยังไม่ได้รับรายงานว่า บุคคลดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ หากเป็นการเข้ามาพร้อมอาวุธก็ไม่สามารถผ่านเข้ามาได้อยู่แล้ว" พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าว และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โดยส่วนตัวยังไม่ทราบเช่นกันว่าบุคคลดังกล่าว ว่าจะผ่านเข้ามาในช่องทางธรรมชาติหรือไม่ แต่ก็ได้สั่งการให้ตำรวจเร่งพิสูจน์ว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และพร้อมประสานขอข้อมูลจากทางการมาเลเซียเพื่อหาข้อเท็จจริง

    MY-TH-suspect-insert

     

     

    ภาพถ่ายของนายมูฮัมหมัด มุซซาฟฟา อารีฟ จูไนดิ สมาชิกกลุ่มไอเอสที่ตำรวจมาเลเซียแจ้งว่า หลบหนีเข้าชายแดนใต้ของไทย เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560  (ภาพโดยตำรวจมาเลเซีย)

     

    ปฏิบัติการกวาดล้างไอเอสในมาเลเซีย

    นอกจากนี้ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจมาเลเซีย กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายกลางของมาเลเซีย สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ทั้งหมดหกคน ในนั้นเป็นผู้หญิงสองคน โดยถูกจับได้ในรัฐมะละกา ยะโฮร์ กลันตัน ปีนัง และสลังงอร์ ในระหว่างวันที่ 24 มีนาคม ถึง 25 เมษายน ศกนี้

    สองรายแรก มีอายุ 26 ปี และ 41 ปี ถูกจับในกลันตัน เมื่อวันที่ 24 และ 25 มีนาคม ตามลำดับ ทั้งคู่อยู่ภายใต้เครือข่ายของนายมูฮัมหมัด มุซซาฟฟา อารีฟ จูไนดิ ทำหน้าที่ขนอาวุธจากภาคใต้ของไทยนำเข้ามาเลเซีย เพื่อให้กลุ่มไอเอสในมาเลเซียใช้ ส่วนผู้ต้องหารายที่สาม เป็นผู้หญิงอายุ 26 ปี กำลังศึกษาด้านเภสัชศาสตร์ในวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกัวลาลัมเปอร์ ถูกจับที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 4 เมษายน

    “ผู้หญิงรายนี้ เดินทางไปตุรกีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ปีที่แล้ว เพื่อร่วมรบกับไอเอสในซีเรีย เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เธอถูกทางการตุรกีจับกุมตัวได้ ในขณะที่รอรับคำสั่งจากนายมูฮัมหมัด เวนน์ดี้ เพื่อเดินทางเข้าซีเรีย” ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจมาเลเซีย กล่าวโดยโยงใยถึงนายมูฮัมหมัด เวนน์ดี้ นักรบไอเอสชาวมาเลเซียที่มีฐานปฏิบัติการในซีเรีย

    รายที่สี่ เป็นผู้ชายไร้อาชีพ อายุ 41 ปี ถูกจับที่มะละกา เมื่อวันที่ 20 เมษายน ปีนี้ มีประวัติเคยเข้าร่วมปฏิบัติการกับไอเอสในซีเรียมาก่อน รายที่ห้าเป็นผู้หญิงอายุ 32 ปี เคยทำงานเป็นผู้ช่วยวิศวกรในรัฐยะโฮร์ เข้าร่วมกลุ่มไอเอสผ่านทางแอปกูเกิล

    “รายที่หก เป็นผู้ชายอายุ 41 ปี ถูกจับที่ปีนัง เมื่อวันที่ 25 เมษายน เป็นคนโปรโมทไอเอสทางเฟซบุคที่เขาเป็นเจ้าของ 15 บัญชี ตั้งแต่ปี 2557 รายนี้วางแผนระเบิดมัสยิดชาวนิกายชีอะฮ์ ในปีนัง” คาลิด อาบู บาคาร์ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจมาเลเซีย กล่าวในใบแถลงข่าว

    จากข้อมูลที่เบนาร์นิวส์รวบรวมไว้ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2556 ทางการมาเลเซีย จับกุมผู้ต้องสงสัยว่ามีความสัมพันธ์กับไอเอสแล้ว 300 คน ในจำนวนนี้ ถูกปล่อยตัวไป 66 คน

    ทางด้าน พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีสมาชิกไอเอสหลบหนีเข้ามาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยหรือไม่ หลังจากได้รับการแจ้งเตือนจากทางการมาเลเซีย

    "ยอมรับว่าช่องทางธรรมชาติระหว่างพรมแดนไทย-มาเลเซียมีมาก แต่ก็ไม่อยากให้ตื่นตระหนก เพราะอาจเป็นข่าวลวงก็ได้ และเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอสแน่นอน อยากให้รอการตรวจสอบข้อมูลที่แน่ชัด" พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

    ทั้งนี้ พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่เข้มงวดบุคคลผ่านเข้าออกตามแนวชายแดนแล้ว และขอให้ประชาชนในพื้นที่สบายใจได้ว่าการก่อเหตุในภาคใต้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับอุดมการณ์รัฐอิสลาม

     

    เผยแพร่ครั้งแรกที่ http://www.benarnews.org/thai/news/TH-MY-IS-05032017154752.html