(นิวยอร์ก 9 พฤษภาคม 2560) – การวางระเบิดห้างสรรพสินค้าใหญ่สุดในจังหวัดชายแดนใต้ของไทย ซึ่งคาดว่าเป็นผลงานของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแบ่งแยกดินแดน มีเป้าหมายเพื่อทำให้เกิดความสูญเสียมากสุดต่อพลเรือน ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ การระเบิดขึ้นสองครั้งที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีในตัวเมืองปัตตานี เป็นการใช้ยุทธวิธี “หน่วงเวลาเพื่อกดระเบิดซ้ำ” ซึ่งทางกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนได้ใช้เป็นเวลานานในภูมิภาคที่มีความไม่สงบนี้ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 61 คนรวมทั้งเด็ก

การก่อความไม่สงบโดยพุ่งเป้าโจมตีอย่างจงใจต่อพลเรือนในประเทศไทย อาจถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 เวลาประมาณ 14.10 น. ได้เกิดเหตุระเบิดขนาดเล็กใกล้กับศูนย์อาหารภายในห้างสรรพสินค้า ส่งผลให้ประชาชนแตกตื่นตกใจวิ่งหนีกันออกมาที่บริเวณลานจอดรถ ไม่นานหลังจากนั้นก็มีการกดระเบิดขนาดใหญ่กว่าที่ซ่อนไว้ในรถกระบะที่จอดไว้อยู่ห่างราว 40-50 เมตรจากตัวอาคารของห้างสรรพสินค้า

“การระเบิดสองครั้งในห้างสรรพสินค้าที่มีประชาชนจำนวนมาก แสดงให้เห็นความทารุณและไม่คำนึงถึงชีวิตพลเรือน” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “การโจมตีที่ห้างบิ๊กซีเป็นสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงสูงสุดของฝ่ายแบ่งแยกดินแดน เป็นการโจมตีที่พุ่งเป้าไปที่พลเรือน ซึ่งอาจถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ รัฐบาลควรนำตัวผู้กระทำผิดทุกคนมาลงโทษ”

รถกระบะที่ถูกใช้ในการโจมตีครั้งนี้ ได้ถูกแจ้งความว่าหายไปตั้งแต่ช่วงเช้าวันดังกล่าว โดยยังไม่มีการพบตัวเจ้าของรถ และมีความกังวลถึงความปลอดภัยของเขา ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

หากรัฐบาลยังคงปกป้องไม่ให้กองกำลังของตนต้องรับผิดทางอาญาต่อไป ก็จะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับความรุนแรงของกลุ่มที่สุดโต่ง