Skip to main content

 

เลขานุการคณะพูดคุยฯ: การพูดคุยสันติสุขยังคงเดินหน้าต่อไป แม้เกิดเหตุระเบิด

 

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
ปัตตานี
 
 
TH-carbomb-1000
เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตรวจสถานที่เกิดเหตุที่หน้าห้างบิ๊กซี ปัตตานี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2560
 เบนาร์นิวส์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ในวันพุธ (10 พฤษภาคม 2560) นี้ เลขานุการคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข ได้กล่าวว่า เหตุการระเบิดที่ห้างบิ๊กซี สาขาปัตตานี เมื่อวานนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อความพยายามของรัฐบาลในการพูดคุยเพื่อสร้างสันติสุขกับฝ่ายมาราปาตานีแต่อย่างใด และคาดว่าจะเจรจารอบหน้า หลังเดือนรอมฎอน

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับขบวนการพูดคุยสร้างสันติสุขที่กำลังเดินหน้าต่อเนื่อง เพราะถึงแม้จะเกิดเหตุหรือไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง ขบวนการพูดคุยก็ยังคงเดินหน้าต่อไป" พล.ต.สิทธิ ตระกูลวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งราชอาณาจักร ในฐานะเลขานุการคณะพูดคุยสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวที่กรุงเทพ

พล.ต.สิทธิ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตามกำหนดเดิมจะมีการนัดพูดคุยกันในช่วงเดือนพฤษภาคม แต่เนื่องจากจะติดในเรื่องของเดือนรอมฎอน ในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ จึงคาดว่าจะเลื่อนการพูดคุยออกไปให้เลยเดือนศักดิ์สิทธิ์ก่อน แล้วค่อยมากำหนดวันเวลาอีกครั้ง

"เป็นเพราะคนกลุ่มนี้ต้องการจะเป็นข่าว ต้องการได้รับความสนใจ ถ้าไปก่อเหตุระเบิดเสาไฟ จะไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ถ้าระเบิดย่านการค้า จะสร้างผลกระทบที่รุนแรง เป็นหลักจิตวิทยาพื้นฐาน ทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้ปฎิบัติงานอย่างเต็มความสามารถอยู่แล้ว" พล.ต.สิทธิ กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซี แต่ไม่ได้ระบุผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์

ทั้งนี้ โรงพยาบาลเปิดเผยข้อมูลผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดหน้าห้างบิ๊กซีว่า มีผู้บาดเจ็บรวม 69 คน เป็นผู้ใหญ่ 56 คน เพศชาย 17 คน และเพศหญิง 39 คน นอกนั้น เป็นเด็กที่มีอายุแรกเกิดจนถึง 18 ปี ได้รับบาดเจ็บรวม 13 ราย แยกเป็นเพศหญิง 8 ราย และเพศชาย 5 ราย โดยมีอาการสาหัส 1 ราย คือ เด็กหญิงนุรซาฟีการ์ สุรอระยอ อายุ 5 ขวบ

ในจำนวนนี้ มีอาการสาหัส 4 ราย คือ 1. เด็กหญิง นุรซาฟีการ์ สุรอระยอ อายุ 5 ขวบ 2. นางวรกมล ชูวงค์ อายุ 32 ปี 3. น.ส.มณฑิวา อรุณทัศ อายุ 43 ปี และ 4. นายสมพร พึ่งจิต อายุ 47 ปี

ด้าน นายสุณัย ผาสุก นักวิจัยประจำประเทศไทย องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเหตุการณ์รุนแรงที่ผ่านมาๆ เมื่อเร็วๆ นี้ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อการเจรจาสันติสุข เพราะเมื่อหลังจากแผนกสารนิเทศของขบวนการบีอาร์เอ็น ออกแถลงการณ์ปรามาสความชอบธรรมของมาราปาตานี เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560 ได้มีเหตุระเบิดอย่างต่อเนื่อง

“คิดว่ามีผลต่อความเชื่อมั่นในการพูดคุยเพื่อสันติสุข เพราะทุกคนมีความหวังต่อคณะพูดคุยและมาราปาตานี แต่เมื่อบีอาร์เอ็นออกมาปฏิเสธความชอบธรรมของมาราปาตานี แล้วมีระเบิดขึ้น เท่ากับว่าบีอาร์เอ็นได้ตอกย้ำการปฎิเสธการพูดคุยฯ ของไทยกับมาราปาตานี” นายสุณัย กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ทั้งนี้ นายสุณัย เชื่อว่า ผู้ที่ลงมือโจมตีในครั้งนี้ น่าจะเป็นขบวนการบีอาร์เอ็น

“ถ้าดูรูปแบบการโจมตีจะสอดคล้องกับวิธีการที่บีอาร์เอ็นใช้มาตลอดเวลาสิบกว่าปี คือ โจมตีพลเรือนโดยไม่แยกแยะไทยพุทธ-ไทยมุสลิม และใช้ระเบิดหน่วงเวลา เพื่อต้อนคนให้เข้าสู่พื้นที่ระเบิดลูกที่ใหญ่กว่า ครั้งนี้เป็นการก่อเหตุที่รุนแรงมาก แต่บีอาร์เอ็นไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบตลอดเวลาที่ผ่านมา ถือว่าขี้ขลาดมาก” นายสุณัยกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ นี้คณะพูดคุยเพื่อสันติสุข และองค์กรมาราปาตานี ได้บรรลุข้อตกลงในกรอบการดำเนินการเพื่อจัดตั้ง “พื้นที่ปลอดภัยนำร่อง” เพื่อเป็นการทดลองขึ้นหนึ่งเขต โดยในชั้นต้น ได้ให้ทั้งสองฝ่ายเสนอพื้นที่ที่น่าจะเป็นไปได้ในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 5 พื้นที่ ซึ่งจะคัดเลือกให้เหลือเพียงหนึ่งพื้นที่ ในขั้นสุดท้ายอีกครั้ง

ด้านนายอาบู ฮาฟิซ อัล-ฮาคิม โฆษกมาราปาตานี ได้กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ทางมาราปาตานี ไม่สนุบสนุนความรุนแรงและได้ประณามผู้ก่อเหตุ เราไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในพื้นที่สาธารณะ

“เราขอประณามการกระทำที่ขี้ขลาดในการทำให้เกิดอันตรายต่อพลเรือนและบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสตรีและเด็ก ต้องนำตัวคนร้ายมาขึ้นศาล เราขอแสดงความเห็นใจและความเสียใจต่อเหยื่อ ต่อพวกเราประชาชนปาตานี ทุหเชื้อชาติศาสนา” นายอาบู ฮาฟิซ กล่าวในอีเมล

ส่วนเรื่องที่ฝ่ายไทยกล่าวถึง การพูดคุยสันติสุขรอบหน้า หลังเดือนรอมฎอนนั้น นายอาบู ฮาฟิซ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันนี้ว่า “เรายังไม่ได้รับการติดต่อว่า การพูดคุยรอบหน้าจะมีเมื่อไร ... อาจจะเป็นไปได้ว่า นั่นเป็นวันที่รัฐบาลไทยจะเสนอ”

ทราบตัวคนร้าย ราย และขออนุมัติหมายจับหนึ่งราย

ในการแถลงข่าวที่ห้องประชุมอำเภอเมือง ปัตตานี ในวันนี้ นายวีรนันนท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่เกี่ยวข้อง กล่าวว่า ได้เสนอออกหมายจับผู้ต้องสงสัยแล้ว 1 ราย คือ นายมะกอเซ็ง หม้าแอ้ อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 30/18 ม.3 ต.บาราโหม อ.เมืองปัตตานี มีหน้าที่ขับรถคาร์บอมบ์มาจอดไว้ที่หน้าห้างบิ๊กซี มีประวัติ มีหมายจับจำนวน 3 หมาย มีประวัติลอบวางระเบืดเรือประมง 2 แห่ง เมื่อวันที่ 18 มิย. 59  โดยนายมะกอเซ็งมีหน้าที่ประชุมวางแผนก่อเหตุ มีหมายศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.3/2560 ลงวันที่ 2 ม.ค. 2560  ฐานร่วมกันฆ่า ทำให้เกิดระเบิด ก่อการร้าย อั้งยี่ซ่องโจร

ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวคนร้ายในเบื้องต้นได้แล้ว 4 ราย

"ขณะนี้ สามารถสาวถึงตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน จากกล้องวงจรปิด เห็นคนร้ายชัดเจนทั้ง 2 จุด มีคนร้าย 4 คน และพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ในการสืบสวนขยายผล" พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ในขณะที่เจ้าหน้าที่ นายอาแว (ขอสงวนนามสกุล) แนวร่วมในพื้นที่จังหวัด ปัตตานีกล่าวว่า การระเบิดเป็นฝีมือของกองกำลังบีอาร์เอ็น

"ผมยืนยัน บีอาร์เอ็นเป็นผู้ที่ก่อเหตุที่บิ๊กซี ใช้คนเดิมๆ ที่เขาทำงานอยู่ เจ้าหน้าที่ก็รู้ แต่จับไม่ได้ เขาไม่ได้ไปไหนหรอก แค่หลบๆ อยู่ในพื้นที่ พอถึงเวลาก็ไปก่อเหตุ พวกนี้เขาทำเพราะเชื่อว่าถูกต้อง และเป็นวิธีที่จะได้เอกราช” นายอาแว กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

และในวันนี้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้กล่าวแถลงว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใยต่อเหตุการณ์ผ่านทางผู้บัญชาการทหารบกและได้เร่งรัดให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว

ราซลาน ราชิด ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มีส่วนร่วมในรายงานฉบับนี้

เผยแพร่ครั้งแรกที่ http://www.benarnews.org/thai/news/TH-peacetalk-bomb-05102017130233.html