Skip to main content

นายกรัฐมนตรีปฏิเสธเหตุระเบิดในภาคใต้เชื่อมโยงไอเอส

มารียัม อัฮหมัด 
ปัตตานี
 
    TH-MY-border-1000
    ยานพาหนะที่ข้ามชายแดนเข้าประเทศไทย หลังจากผ่านจุดตรวจชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านสุไหงโกลก เมื่อ 18 พ.ย. 2550
     เอเอฟพี
     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ในวันอังคาร (30 พฤษภาคม 2560) นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า เหตุการณ์ระเบิดในสามจังหวัดชายแดนใต้ ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอสตามที่รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้กล่าวอ้างแต่อย่างใด

    ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานั้น นายอาหมัด ซาฮิด ฮามิดี (Ahmad Zahid Hamidi) รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้กล่าวหลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดสถานีขนส่งในกรุงจาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อคืนวันพุธที่ทำให้ตำรวจเสียชีวิตสามนายว่า การระเบิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในมินดาเนา และในอินโดนีเซีย มีความเชื่อมโยงกันโดยเป็นฝีมือกลุ่มไอเอส

    “รัฐบาลยืนยันว่ายังตรวจสอบไม่พบว่าเป็นการปฏิบัติของกลุ่มดังกล่าว หากมีหลักฐานพิสูจน์ทราบที่ชัดเจน จะแจ้งให้ทราบ ขณะนี้ ให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าระวัง สังเกต ทำงานข่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ การวิพากษ์วิจารณ์ขยายข่าวดังกล่าว ระวัง จะมีผลกระทบกับประเทศ” พลเอกประยุทธ์ ชี้แจงผ่านทางโฆษกรัฐบาล พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด ในวันนี้

    พลตรีสรรเสริญ ซึ่งได้ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีในการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ ได้ชี้แจงต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีไทย ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานความมั่นคงหาทางยุติปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศให้ได้โดยเร็ว เพื่อป้องกันการกลุ่มหัวรุนแรงจากภายนอกประเทศเข้ามาแทรกแซง

    และเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ คาลิด อาบู บาคาร์ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติของมาเลเซีย ได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ในระหว่างวันที่ 23 ถึง 26 พ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยหลายแห่งในประเทศ และสามารถจับกุมชาย 6 คน ที่ต้องสงสัยว่าเป็นแนวร่วมของกลุ่มไอเอส

    หนึ่งในนั้น คือ นายมูฮัมหมัด มุซซาฟฟา อารีฟ จูไนดิ วัย 27 ปี มีหน้าที่จัดหาและลำเลียงอาวุธให้แก่กลุ่มไอเอสในมาเลเซีย และยังมีการระบุด้วยว่า นายมุซซาฟฟา มีประวัติเดินทางเข้าออกประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง ตามคำสั่งของกลุ่มไอเอส เพื่อขนอาวุธสงครามจากภาคใต้ของไทยส่งให้ไอเอสในมาเลเซีย ในเรื่องนี้ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ไทยยังไม่พบหลักฐานว่าคำกล่าวอ้างของฝ่ายมาเลเซียเป็นความจริงแต่อย่างใด

    "ยืนยันไม่มีข้อมูลตามที่มีการรายงาน แต่ก็จะเข้มงวดในด้านมาตรการป้องกัน อาจมีการปรับแผนให้รัดกุมเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมามีการประสานและทำงานร่วมกันกับประเทศมาเลเซีย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลมาโดยตลอด" พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

    ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านหนึ่งกล่าวว่า  จากการตรวจสอบประวัติของนายมูฮัมหมัด มูซาฟา พบว่า ได้เดินทางเข้าออกภาคใต้ มาแล้ว 9 ครั้ง แต่มีความเป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะส่งอาวุธจากประเทศไทยให้ไอเอสในมาเลเซีย

    “เป็นไปได้ยากที่เขาจะสามารถนำอาวุธสงครามจากภาคใต้ ลำพังกลุ่มขบวนการในพื้นที่ยังต้องปล้นเจ้าหน้าที่ เขาไม่มีข้อมูลเป็นคนไทย และไม่มีญาติอยู่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แต่อาจมีคนรู้จักหรือมีพรรคพวกอาศัยอยู่ในพื้นที่" เจ้าหน้าที่ท่านเดียวกันกล่าว

    "ที่สำคัญปัญหาภาคใต้ ยังไม่มีเงื่อนไขถึงขั้นที่จะทำให้คนพื้นที่เข้าร่วมกับกลุ่มไอเอส ส่วนใหญ่คนในพื้นที่ยังรับไม่ได้กับการก่อเหตุในรูปแบบที่ไอเอสทำ" เจ้าหน้าที่ท่านเดียวกันกล่าวเพิ่มเติม

    "ไอเอส โหดมาก รับไม่ได้เลย ทำเหมือนไม่ใช่มนุษย์ มั่นใจว่าคนในพื้นที่ทุกคนไม่มีใครเห็นด้วยกับการกระทำของไอเอส และมั่นใจว่าถ้าคนในพื้นที่รู้ว่าเขาคือไอเอส ก็จะไม่ให้ความร่วมมือ" นายมูไบดี (ขอสงวนนามสกุล) เยาวชนในภาคใต้ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

    นายอาหมัด ซาฮิด ฮามิดี รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้กล่าวเชื่อมโยงไอเอสกับการโจมตีสถานที่ต่างๆ ในเอเชียอาคเนย์ หลังจากการเสียชีวิตของนายมูฮัมหมัด เวนน์ดี้ แกนนำกองกำลังไอเอสชาวมาเลเซียที่ไปรบในซีเรียเมื่อเดือนเมษายน ปีนี้

    “ข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองระบุว่า การระเบิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อเร็วนี้ ในมินดาเนา และจาร์กาต้า มีความเชื่อมโยงกัน การสังหารนายมูฮัมหมัด เวนน์ดี้ ผู้ประสานงานกลุ่มคอติบาร์นูซันตรา มีความเกี่ยวเนื่องกับการโจมตีในสถานที่ต่างๆ เหล่านั้น”

    เผยแพร่ครั้งแรกที่ http://www.benarnews.org/thai/news/TH-MY-IS-arrest-05302017174913.html