Skip to main content
สามารถ ทองเฝือ
อาจารย์สาขาความสัมพันธ์ระหว่าประเทศ
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
 

การออกมาประกาศรายชื่อองค์กร 12 องค์กรและจำนวนรายชื่อบุคคลต่างๆ ถึงจำนวน 59 คนให้อยู่ในบัญชีดำที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ก่อการร้ายที่ต้องถูกมาตราการลงโทษของทางการซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาร์เรน และอิยิปต์ให้โลกรับรู้ มันยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับกาตาร์อย่างปฎิเสธไม่ได้ นี่คือเกมส์สร้างความกดดันจากทางฝากฝั่งของชาติอาหรับมุสลิมที่ทำการตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์อีกวิธีทางหนึ่งซึ่งทางฝ่ายกาตาร์เองคงจะต้องอดทนอดกลั่นน่าดูเลยทีเดียว

ถ้าเราย้อนไปดูรายชื่อบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำว่าเป็นผู้ก่อการร้ายนั้น มีชาวกาตาร์จำนวน 18 คน ชาวอิยิปต์ 26 คน ชาวลิเบีย 5 คน ชาวคูเวต 3 คน ชาวจอร์แดน 2 คน ชาวบาร์เรน 2 คน และสัญชาติยูเออี เยเมน ซาอุดี้ ชาติละ 1 คน รวม 59 คน ในส่วนของหน่วยงาน 12 องค์กรที่ออกข่าวมานั้น ในจำนวนนั้นก็มีองค์กรการกุศลที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกาตาร์รวมอยู่ด้วยเช่นมูลนิธิกาตาร์และมูลนิธิอีดนั้นเอง   

คำถามที่เกิดขึ้นคือ...เราจะมั่นใจและเชื่อได้อย่างไรว่ารายชื่อทั้งหมดที่ประกาศออกมาจากสี่ชาติอาหรับมุสลิม (ซาอุดีฯ ยูเออี บาห์เรน อิยิปต์) ดังกล่าวนั้นเป็นจริง...?? !

พอข่าวนี้ออกปุ๊บแน่นอนว่าทางรัฐบาลกาตาร์ไม่ยอมนะสิครับ ก็ต้องออกมาแถลงการณ์โต้ตอบปั๊บโดยทันทีว่า ไม่น่ะ มันไม่เป็นความจริง ไม่มีหลักฐานอ้างอิงที่ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงใดๆเลย เราไม่ได้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายน่ะ เรามีจุดยืนของเราที่ว่าด้วยเรื่องการต่อต้านการก่อการร้ายที่มั่นคงแข็งแกร่งมาโดยตลอด มีจุดยืนในเรื่องนี้อาจจะมากกว่าบางชาติในสี่ชาติที่กล่าวหาเราเสียอีก

จากสถานการณ์ที่ออกมาอย่างนี้ ย่อมแสดงให้เห็นได้ว่า กาตาร์ไม่ยอมอ่อนข้อหรือยอมจำนนให้กับซาอุดีอาระเบียและกลุ่มพันธมิตรของซาอุดีฯ อย่างแน่นอน กาตาร์มีศักดิ์ศรีเหมือนกันแม้ว่าเราจะเป็นชาติตัวเล็กๆ ก็ตามแต่เราก็จะไม่ยอมจำนนในข้อกล่าวหานี้ง่ายๆ เด็ดขาด

นี้คือบททดสอบเรื่องการอดทนอดกลั่นให้กับรัฐบาลและประชาชนชาวของกาตาร์ในช่วงนี้ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนรอมดอนอันประเสริฐสุดของชาวมุสลิม ดูแล้วกาตาร์ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างสูงเพราะถ้าเพลียงพล่ำขึ้นมาก อาจจะลุกเป็นไฟได้หรือเกิดสงครามขึ้นมาได้ ซึ่งเราทุกคนก็ไม่ต้องการเห็นสภาวะเช่นนั้น ซึ่งทางกาตาร์ได้ออกแถลงการณ์ว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหานี้อย่างแน่นอน กาตาร์จะยังคงให้พลเมืองของชาติที่ทำการบอยคอตกาตาร์สามารถพำนักอาศัยอยู่ในประเทศกาตาร์ได้ต่อไป ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศที่ทำการบอยคอตกาตาร์ที่ประกาศออกไปว่าให้ชาวกาตาร์ที่อาศัยอยู่ในประเทศของตนนั้นๆ ออกนอกประเทศของภายในสองสัปดาห์ ไม่ให้อยู่แล้ว เพราะเราตัดความสัมพันธ์กันแล้ว แต่กาตาร์ไม่ตอบโต้กลับกันเช่นนั้น ทางกาตาร์บอกให้ชาวโลกรู้ว่า พลเมืองทุกชาติสามารถพำนักอาศัยอยู่ในประเทศกาตาร์ได้อย่างปกติได้เลย ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างเหมือนเดิม

งานนี้ถือได้ว่ามันคือบทพิสูจน์ความอดทน ความยับยั้งชั่งใจในการใช้ความรุนแรงของรัฐชาติที่ชื่อว่ากาตาร์กับปัญหาที่ต้องเผชิญจากศึกภายนอกด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน

เราก็ต้องติดตามกันดูสิว่า ความอดทนของกาตาร์มีมากน้อยแค่ไหน หรือการสร้างความกดดันจากซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรที่ร่วมกันบอยคอตไม่อยากเป็นมิตรกับกาตาร์จะไปกันถึงขั้นไหน

โปรดรอติดตาม