สามารถ ทองเฝือ
ทางกาตาร์ออกมาให้ข่าวว่า “กาตาร์จะไม่ยอมเปิดการเจรจากับซาอุดีอาระเบียและประเทศที่ทำการตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์ จนกว่าประเทศเหล่านั้นจะทำการยกเลิกการคว่ำบาตรกับทางกาตาร์เสียก่อน เมื่อนั้นแหละทางรัฐบาลกาตาร์จึงจะยินยอมทำการเจรจา”...นี่คือคำกล่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกาตาร์ที่สื่อสารออกมาให้ประชาคมโลกได้รับรู้กัน ซึ่งแน่นอนว่าการออกมาให้ข่าวอย่างนี้ ย่อมแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของทางการกาตาร์ว่าเราไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ ถ้ากาตาร์ไม่ได้กระทำผิดจริง เพราะการกล่าวหากาตาร์ว่าให้การสนับสนุน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการการก่อการร้ายนั้น ไม่เป็นเรื่องจริง มันเป็นเรื่องที่ใส่ความเพื่อหาความชอบธรรมในการบอยคอต มันเป็นเอาใจสหรัฐอเมริกาของทางการซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรซาอุดีฯ อีก 8 ประเทศที่ทำการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตเสียมากกว่า ซึ่งกาตาร์ยอมไม่ได้
นี่คือเกมส์หรือละครฉากหนึ่งที่พยายามจัดฉากสร้างปรากฎการณ์ให้เกิดความสับสนวุ่นวาย (ฟิตนะห์) ให้เกิดขึ้น เป็นการสร้างกระแสของมหาอำนาจโลกและการแย่งชิงพื่นที่ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เป็นดินแดนแห่งผลประโยชน์ที่มากล้นไปด้วยแหล่งทรัพยาการน้ำมันและแหล่งก๊าซธรรมชาติของโลก
แต่ในที่สุดแล้วจนถึงเวลานี้ทางกลุ่มก้อนของเหล่าบรรดาประเทศอาหรับมุสลิมที่ทำการบอยคอตหรือที่ทำการคว่ำบาตรกาตาร์ซึ่งนำโดยซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรอีก 8 ประเทศนับตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2560 ก็ยังไม่สามารถที่จะทำอะไรกับทางกาตาร์ได้ ซึ่งหากเปรียบเทียบขนาดกันแล้ว กาตาร์ยอมเสียเปรียบในทุกด้านเพราะกาตาร์เป็นประเทศเล็กกว่ากันเยอะในหลายมิติหากเทียบกับซาอุดีอาระเบียและเพื่อนบ้านแถบประเทศอ่าวอาหรับที่ร่วมกันทำการบอยคอตกาตาร์
นอกจากนี้ ปฎิกิริยามหามิตรของซาอุดีอาระเบียอย่างสหรัฐอเมริกาก็มีท่าทีกลับไปกลับมา ซึ่งตอนแรกเห็นดีเห็นชอบในการปฎิบัติการบอยคอตของซาอุดีอาระเบียและพวกที่กระทำต่อกาตาร์ แต่พอสักพักหนึ่งพญาอินทรีย์ (สหรัฐอเมริกา) ทำการเปลี่ยนท่าที แล้วบอกให้ทางซาอุดีฯ และพวกให้ดำเนินการผ่อนคลาย/ลดระดับความแรงในการกระทำการต่อกาตาร์ มิหนำซ้ำพญาอินทรีย์ตัวนี้ยังดำเนินการในการลงนามข้อตกลงขายเครื่องบินเอฟ-15 ให้กับกาตาร์จำนวนหลายลำซึ่งคิดเป็นมูลค่ามากถึงหนึ่งหมื่นล้านดอลล่าห์เลยทีเดียว
คำถามคือมันหมายความว่าอย่างไร
แหละแล้ว มาถึงวันนี้ แทนที่กาตาร์จะเสียเปรียบ กลับเป็นฝ่ายได้เปรียบและได้รับความเห็นอกเห็นใจจากประชาคมโลกในกรณีวิกฤติการณ์ในครั้งนี้.....แน่นอนว่า หากเหตุการณ์ยืดเยื้อหรือกินระยะเวลายาวนานมากขึ้นนั้น คิดว่าทางซาอุดีอาระเบียและพวกย่อมมีแต่เสียกับเสีย ส่วนกาตาร์ย่อมได้รับความเห็นอกเห็นเพิ่มมากขึ้นจากสังคมระหว่างประเทศ เพราะขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางตุรกี รัสเซีย อิหร่านและอีกหลายประเทศ ซึ่งแน่นอนคงต้องมีสหรัฐอเมริกาที่ทำตัวเป็นคนกลับกลอก ท่าทีกลับไปกลับมาต้องมายืนข้างกาตาร์ในที่สุด แล้วจะทำทีเอาตัวเองเข้าไปเป็นคนกลางเพื่อต้องการที่จะเป็นผู้ประสานหรือเป็นคนกลางในเจรจาไกล่เกลี่ยในวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ เนื่องจากว่าอเมริกาได้ผลประโยชน์ไปเรียบร้อยแล้วจากทั้งสองฝ่าย คือทำการขายอาวุธและยุทธโธปกรณ์สงครามให้กับซาอุดีอาระเบียและกาตาร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเพียงพอแล้วในการได้รับผลประโยชน์และประสบความสำเร็จในการอยู่เบื้องหลังที่ทำให้เกิดความร้านฉานให้ปรากฎขึ้นบนหน้าแผ่นดินของภูมิภาคตะวันออกกลาง มันประสบความสำเร็จแล้วที่ได้ทำให้ชาวโลกเห็นถึงความขัดแย้งซึ่งกันและกันเองระหว่างชาติอาหรับมุสลิมด้วยกันที่มีความใกล้ชิดกันในหลายมิติอย่างซาอุดีอาระเบียและกาตาร์
คิดว่าละครฉากนี้อีกไม่นานคงจะต้องจบลงโดยไม่มีฝ่ายไหนได้รับชัยชนะ มีแค่เพียงความพ่ายแพ้เท่านั้นที่จะดำรงอยู่ในหมู่ชนชาวอาหรับมุสลิมด้วยกันเอง
และผู้ที่ชนะอย่างแท้จริงนั้นก็คือ ผู้กำกับการแสดง ผู้สร้างละครและผู้เขียนบทละครนี่นั้นเอง........นั้นก็คือ ยูไนเตทสเตทออฟอเมริกา