Skip to main content

ปิยศักดิ์ อู่ทรัพย์
ศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ภาคใต้

 

ฝนที่ตกตั้งแต่ช่วงเย็นส่งผลให้เมฆสีเทาดำยังคงปกคลุมทั่วท้องฟ้า แสงจันทร์วันเพ็ญ15 ค่ำถูกบดบังทำให้บรรยากาศค่ำคืนของวันอาสาฬหบูชาต่อเนื่องวันเข้าพรรษาที่  "วัดปริมังคลาวาส" แห่งบ้านปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ยิ่งเงียบสงัด

แต่เดิมวัดปริมังคลาวาสแห่งนี้มีพระสงฆ์จำวัดอยู่เพียง 3 รูป และแม่ชีวัยชราอีก 2 คน บรรยากาศจึงตกอยู่ในสภาพที่เงียบเหงา ขณะที่เหตุความรุนแรงยังคงเกิดขึ้นนอกรั้วกำแพงวัดอย่างต่อเนื่อง

อำเภอสุไหงปาดี ถือว่าเป็นพื้นที่ที่ถูกจัดให้เป็นเขตสีแดง ซึ่งเกิดเหตุร้ายใหญ่น้อยขึ้นหลายครั้ง ทำให้สถานการณ์ของชาวบ้านไปยันผู้นำศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด ต่างตกอยู่ในสภาพอกสั่นขวัญหาย ความร่มรื่นและร่มเย็นกลายเป็นความเงียบจนชวนวังเวง

กระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ คณะสงฆ์ย่ามแดง "สู้โว้ย" จากส่วนกลางได้เดินทางมาร่วมจำพรรษาที่วัดแห่งนี้เพิ่มอีก 4 รูป ทำให้บรรยากาศภายในวัดดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

 

ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ กองกำลังฝ่ายความมั่นคงของทางการได้เปิดยุทธการ"พิทักษ์ปาดี" ด้วยการปูพรมปิดล้อมและจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบจำนวนหลายสิบคน แม้จะช่วยให้มั่นใจในสถานการณ์ขึ้นบ้าง แต่ในมุมมองของชาวบ้านเจ้าถิ่นเชื่อในทำนองเดียวกันว่า ที่จับไปนั้นเป็นแค่ปลายแถว ส่วนระดับแกนนำตัวก่อเหตุร้ายต่างไหวตัวหนีรอดได้เกือบหมด

เท่ากับว่าเชื้อร้ายไฟใต้ยังคงไม่สิ้นไป กลางค่ำกลางคืนจึงยังไม่น่าวางใจ โดยเฉพาะวันสำคัญทางศาสนาเช่นนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวังเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นเป็นเท่าตัว ป้อมค่ายของตำรวจทหารที่หน้าวัดก็ดูจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น พิธีกรรมในเวลากลางคืนอย่างเช่นการเวียนเทียน เป็นอันต้องงดไปโดยปริยาย

จะมีก็แต่เสียงสวดทำวัตรของหลวงพ่อบางรูป ที่ดังแว่วมาจากภายในกุฏิ โดยมีบรรดาสมุนสุนัขหลายสิบตัวทำหน้าที่บอดี้การ์ดเฝ้าอยู่หน้าประตู คอยส่งสัญญาณเมื่อมีผู้แปลกปลอมใกล้เข้ามา

แม้พระคุณเจ้าเกือบทุกรูปจะเข้าใจในสัจธรรมแห่งการเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย ว่าเป็นเรื่องปกติของทุกชีวิต แต่การระแวดระวังภัยก็ดูจะสอดรับกับหลักคำสอนเรื่องสติสัมปชัญญะได้เป็นอย่างดี

พอฟ้ามืดลงพระแต่ละรูปต่างพากันแยกย้ายกลับเข้ากุฏิที่พัก ปิดประตูใส่กลอนอย่างแน่นหนา ถ้าใครไม่ได้นัดแนะกันล่วงหน้า แล้วคิดจะมาเคาะเรียกหากันยามดึกดื่น ก็อย่าหวังว่าจะเปิดประตูออกมาต้อนรับเสียให้ยาก

ยิ่งการออกบิณฑบาตช่วงเช้ามืดซึ่งถือเป็นกิจวัตรที่พระสงฆ์พึ่งต้องปฏิบัติ ก่อนหน้านี้ก็จะอาศัยชุดคุ้มครองทหารเดินทางไปด้วย แต่สุดท้ายทั้งทหารทั้งพระก็ถูกซุ่มโจมตีไปตามๆ กัน เป็นเหตุให้พระท่านต้องเลิกออกรับบิณฑบาตมานานแล้ว

 

 

 

 

หากญาติโยมในตลาดปาดีคนไหนอยากจะทำบุญตักบาตร ก็ต้องใช้วิธีทำเป็นอาหารถุง ฝาก ลุงชัยวัฒน์' ผู้เฒ่าวัย 70 ปี ที่อาสาขับมอเตอร์ไซต์ตระเวนรับอาหารนำมาถวายพระที่วัดให้อีกทอดหนึ่ง

เว้นแต่จะมีกิจนิมนต์ ซึ่งนานๆ จะมีสักครั้ง พระที่วัดปริมังคลาวาสก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย

หลวงพ่อท่านหนึ่งที่เดินทางมาจากราชบุรี เล่าสิ่งที่ตั้งใจจะทำในช่วงเข้าพรรษาที่วัดแห่งนี้ให้ฟังว่า จะใช้โอกาสนี้พูดคุยกับชาวบ้านให้คำปรึกษาตามหลักธรรม เพื่อเสริมสร้างกำลังใจ

"พระไม่มีอาวุธ มีแต่ศรัทธา คงไม่ได้ไป สู้โว้ย กับใคร และก็ไม่ได้ต้องการมาต่อต้านฝ่ายไหน แต่มาเพื่อให้กำลังใจชาวบ้านและญาติโยม ตลอดจนเดำรงพระพุทธศาสนาให้ยืนยงต่อไปเท่านั้น"

หลวงพ่ออีกท่านที่มาจากสระแก้ว ก็มีหลักคิดที่น่าสนใจเช่นกัน ท่านเล่าว่า สาเหตุที่ตัดสินใจอาสามาอยู่จำพรรษาในวัด 3 จังหวัดภาคใต้ เพราะเห็นข่าวพระสงฆ์ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต จึงคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่จะได้ใช้ปัญญาค้นหาที่มาของเหตุร้ายดังกล่าว เพื่อหาหนทางดับทุกข์แห่งปัญหานั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากให้หาตัวคนกระทำผิดมาลงโทษ

"เหตุร้ายไม่ได้เกิดที่เฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่อื่นก็มี การตายเป็นเรื่องปกติของการมีชีวิต มีเกิดก็ต้องมีดับเป็นสัจธรรม จึงไม่ได้คิดถึงเรื่องความปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัยเป็นที่ตั้ง แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ การสืบสานพระพุทธศาสนาให้ดำรงคงไว้เป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจของบรรดาญาติโยมชาวพุทธในพื้นนี้มากกว่า" หลวงพ่อจากชายแดนกัมพูชาทำหน้าที่สาวกของพระพุทธองค์อย่างเข้มแข็ง ถ้าหมดพรรษา 3 เดือนนี้แล้ว หลวงพ่อตั้งใจว่าจะเดินทางไปเข้าปริวาสกรรมที่ประเทศมาเลเซียต่ออีกสักระยะ

"ที่ฝั่งนั้นมีคนนับถือพุทธศาสนาด้วยเหมือนกัน ซึ่งอาจจะได้เรียนรู้วิธีการอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนิก แล้วอาจกลับมาพักที่วัดแห่งนี้ต่อไปอีกครั้งก็ได้ แต่ทั้งนี้คงไม่มีกำหนดตายตัว เพราะทุกอย่างเป็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอน"

การที่พระสงฆ์เดินทางมาจำพรรษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้จำนวนหลายร้อยรูป แม้ไม่ได้แก้ไขสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในหมดไปได้ และคณะสงฆ์เหล่านี้ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าให้หลักคิดและกำลังใจ แต่นั่นก็ถือว่าเพียงพอแล้วในทัศนะของชาวบ้าน

 

ป้าภรณ์ทิพย์' ซึ่งนำอาหารมาถวายพระเกือบทุกเช้า บอกว่า โครงการส่งพระสงฆ์จากส่วนกลางมายังจังหวัดชายแดนภาคใต้ถือว่าดีมาก เพราะมีพระมาอยู่เยอะๆ ชาวบ้านก็สบายใจ  คนพุทธที่นี่ส่วนใหญ่ก็มีฐานะปานกลาง ทุกคนก็หวังจะได้ทำบุญกับพระเพื่อเป็นการสร้างกุศลให้ตัวเองและครอบครัว

"ลูกชายป้า ก็โดนยิงตายเมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง เขาเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์ตอนหัวเช้า ป้าเข้าใจว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจจะทำลูกป้า แต่เขาออกมาแล้ว ใครผ่านมาเขาก็ทำหมด"  ป้าภรณ์ทิพย์เล่าด้วยน้ำเสียงที่ไม่โกรธเคืองคนร้ายที่ยิงลูกชาย แต่แกก็อดน้ำตาไหลซึมไม่ได้ที่พูดถึงเรื่องนี้

"เราก็ไม่รู้ว่าใครทำ รู้แต่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันนี่แหละ แต่เราไม่โกรธเขานะ เพราะทุกศาสนาต่างก็สอนให้คนทำดี ถ้าเขาทำอะไรไม่ดีไว้ เขาก็จะได้รับผลกรรมของเขาเอง"

ขณะที่สังคมใหญ่กำลังร่วมกันปฎิบัติศาสนกิจในวันสำคัญของพุทธศาสนา แต่ค่ำคืนอันมืดมิดในวัดเล็กๆ แห่งสุไหงปาดี กลับเงียบสงัด ส่วนความคึกคักได้กลายเป็นเพียงอดีตที่ถูกถ่ายทอดให้ได้รับรู้เท่านั้น

ในเมื่อทุกคนทุกศาสนาต่างแสวงหาสันติสุขด้วยกันทั้งสิ้น แต่ทำไมในพื้นที่แห่งนี้สันติสุขถึงอยู่ไกลจนยากเอื้อมถึงเสียจริงๆ