"...มนุษย์ ญิน ความเป็นมัชฌิมา
เเบบการสร้างจิตวิญญานของมัคลูก วางอยู่บนเเบบเเผนสองประการ คือ ชาฮาวาต (หรือจะกล่าวง่ายๆ ว่าสันดานดิบ) เเละอันที่สองคือปัญญา (อากัล)
มัคลูกแบบเเรกคือมลาอีกะฮฺ เป็นสิ่งถูกสร้างที่มีเเต่อากัล เเต่ไร้ชาฮาวาต ธรรมชาติของมลาอีกะฮฺจึงเป็นเเบบการฏออัตเพียงอย่างเดียว เพราะไม่มีอารมณ์ใฝ่ต่ำเจือปนเลย
มัคลูกเเบบที่สองคือ เดรัจฉาน เป็นสิ่งถูกสร้างที่มีเเต่ชาฮาวาต ไร้ซึ่งอากัล เพราะฉะนั้นการที่เราเห็นเดรัจฉานสำเเดงออกมา
อย่างเช่นว่า สมสู่กันเองในครอบครัว กินตามใจปรารถนาโดยไม่สนว่าจะเกิดพิษต่อร่างกายอย่างไร มันเป็นธรรมชาติของมันเเบบนั้น เราสอนสัตว์ให้มีวัฒนธรรมการกินเเละการร่วมสังคมกันอย่างมนุษย์ไม่ได้
มัคลูกเเบบที่สามคือ มนุษย์เเละญิน เป็นสิ่งถูกสร้างอันมีทั้งอากัลเเละชาฮาวาตผสมปนเปกันอยู่ มีทั้งจิตวิญญานที่มีความเป็นมลาอีกะฮฺเเละเดรัจฉานอยู่ในจิตเดียวกัน สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน มาอยู่ด้วยกันก็เกิดการปะทะกัน ก็อยู่ที่ว่าชั่วเวลานั้นฝ่ายไหนจะข่มอีกฝ่ายได้อยู่หมัด พฤติการณ์ภายนอกก็จะสำเเดงออกมาตามนั้น เกิดภาวะอีหม่านเเข็ง อีหม่านอ่อนนั้นแหละ
มนุษย์ที่มีความประเสริฐคือ ผู้ที่สามารถข่มชาฮาวาตลงได้ ด้วยปัญญาของเขา เขาจะกลายเป็นผู้ที่มีจิตวิญญานของมลาอีกัต ขณะเดียวกันก็อยู่ในร่างมนุษย์ซึ่งปนชาฮาวาตอยู่ด้วย
ถ้าไม่สามารถข่มมันได้ มนุษย์ก็จะสำเเดงความเป็นเดรัจฉานออกมาเช่นเดียวกัน เเต่ถ้าถามว่าเราจะสามารถตัดชาฮาวาตแบบหักดิบได้หรือไม่ ตอบเลยว่า ไม่มีทาง ถ้าเขาตอบว่าตัดได้ เเสดงว่านั่นไม่ใช่มนุษย์เเล้ว
ความอยากได้อยากมี เป็นธรรมชาติเดิม หรือสันดานดิบของมนุษย์ทุกคน เเต่ที่เราควรจัดการคือ ให้ความอยากได้อยากมีนี้ ดำเนินไปด้วยหนทางที่ถูกต้อง ไม่เป็นโทษเเก่ตัวเองเเละผู้อื่น จุดนี้เเหละที่เราควรโฟกัส ถ้าเราตามใจตัวเองมากเกินไป เราก็จะกลายเป็นเดรัจฉาน ถ้าเราข่มตัวเองมากเกินไป ก็ขัดกับธรรมชาติความเป็นมนุษย์ของเราเอง กลายเป็นคนเก็บกดหรืออะไรหลายอย่างตามมา เราจึงต้องรักษาสมดุลอย่าให้ชาฮาวาตมีอำนาจกับจิตใจของเรา เเละมั่นคงอย่างนั้นตลอดไป เป็นคำพูดที่เเสนง่ายเเต่ทว่าหนักหนาเหลือเกินพี่น้องที่รัก..."
-สรุปจากการสอนตัฟซีรนูรุ้ลเอียะฮฺซาน ซูเราะฮฺอาลี อิมรอน โดยบาบออิสมาแอล สปันญัง อัลฟาฏอนีย์ -
ถอดความโดย -ฟากีรฺ-