"...ความอิคลาสนั้น มีความสำคัญอย่างที่สุดสำหรับบรรดามุสลิม บรรดานักวิชาการเขาเเบ่งออกเป็นสามระดับด้วยกัน เรามาดูกันว่า เขาเเบ่งกันอย่างไร
ระดับเเรก คือความอิคลาสในเเบบพื้นฐานที่สุด คือ การที่มุสลิมปฎิบัติการงานใดการงานหนึ่ง เพื่อหวังอยากจะได้การตอบเเทนจากอัลลอฮฺ อย่างเช่น การละหมาดสุนัตอย่างมากมายเพื่อสวรรค์อันสถาพร การบริจาคอย่างมากมายเพื่อตอบรับผลบุญที่งอกเงย
เเละการละเว้นจากความชั่วเนื่องจากกลัวต่อการลงโทษของพระองค์ มุอฺมินจะทราบดีว่าการลงโทษของอัลลอฮฺนั้นรุนเเรงอย่างไร เมื่อเขาทราบเช่นนั้น เขาก็ห่างจากการฝ่าฝืนบทบัญญัติของพระองค์ ไม่ทำสิ่งฮารอมเพราะกลัวตกนรก อะไรประมาณนี้
ระดับที่สอง เป็นความอิคลาสที่อยู่เหนือขึ้นไปอีก ก็คือการที่เราทำอีบาดะฮฺเพราะหวั่นเกรงต่อเกียร์ติของพระองค์ มิได้เกิดจากการอย่างได้ในสิ่งตอบเเทน เเต่เป็นเพราะเขาทราบถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ
อารมณ์มันคล้ายๆกับว่า สมมุติมีข้าราชการระดับสูงมาเยี่ยมบ้านเรา อย่างเช่นว่าระดับองคมนตรี หรือหม่อมราชวงศ์สักองค์หนึ่งมาเยี่ยมบ้านเรา ด้วยเหตุนี้เราในฐานะเจ้าของบ้านก็ควรหาของขวัญสักชิ้นตามมารยาทที่คนไกลมาเยี่ยม ครั้นจะซื้อของขวัญราคา สิบบาท ยี่สิบบาทมอบให้ ก็กระไรอยู่ มันไม่สมเกียรติเเขกของเราเพราะเขาเป็นถึงระดับองค์มนตรี อย่างน้อยถ้าเเถวบ้านเราก็ต้องเป็นเรือกอเละขนาดจิ๋วสลักลายอย่างงาม ใส่กล่องกระจก มอบให้เป็นของขวัญสักชิ้น อันจัดว่าเป็นของดีที่สุดที่เราสามารถหามาได้ อย่างนี้เพื่อให้สมเกียรติกับตำแหน่งหน้าที่
เช่นเดียวกัน เมื่อเรารู้จักอัลลอฮฺเเล้ว เราก็จะทราบถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ในความมีเกียรติเเละบุญคุณอันล้นฟ้า ที่พระองค์สร้างเรามา ประทานปัจจัยยังชีพ เราในฐานะบ่าวจะงอมือ งอเท้าไม่เคารพภักดีต่อพระองค์ก็กระไรอยู่? มันเป็นลักษณะนี้นี่เอง...
ระดับต่อมาเป็นความอิคลาศระดับสูงที่สุด เป็นการทำอีบาดะฮฺเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น ไม่หวังสิ่งอื่นใด เพราะด้วยอัลลอฮฺเขาจึงมีชีวิตอยู่ ด้วยอัลลอฮฺเขาจึงสามารถหายใจ ด้วยอัลลอฮฺเขาสามารถละหมาด ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านการกำหนดจากอัลลอฮฺเเล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอากัปกริยาใดของเขา ทุกสิ่งล้วนผ่านการกำหนดจากอัลลอฮฺ ดังที่มีฮาดิษระบุว่า เเม้นเพียงการร่วงหล่น ของใบไม้สกใบก็หาได้อยู่นอกเหนือการกำหนดของอัลลอฮฺไม่
เพราะฉะนั้นการละหมาดที่มากมายของเขา ก็ด้วยอัลลอฮฺกำหนด การมีความสามารถถือศีลอดของเขาก็ด้วยอัลลอฮฺกำหนด การอยูในทำนองคลองธรรมก็ด้วยอัลลอฮฺกำหนด ทุกอย่างล้วนเป็นเตาฟีก ฮีดายะฮฺจากอัลลอฮฺทั้งสิ้น ตัวของเขาประหนึ่งหนังตะลุง ที่มีนายหนังคอยชักจูงอยู่เบื้องหลัง เมื่อเขาคิดได้เช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงไม่ใช่เป็นของเขาโดยเเท้จริงไม่ เเม้นเเต่ลมหายใจ เขาเพียงเเต่มีความพึงพอใจอย่างที่สุดเเล้วที่อัลลอฮฺเจาฟีกให้เขาฎออัตต่อพระองค์ นี่คือความสุขที่สูงที่สุดที่เขาได้จากความอิคลาศ(โดยที่เขาเองก็ไม่ได้หวัง)...
อย่างไรก็ตามทั้งสามระดับนี้ ถ้าท่านมีข้อใดข้อหนึ่งก็จัดได้ว่าท่านมีความอิคลาศเเล้ว จะระดับใดก็ตาม ขึ้นอยู่กับเเต่ท่านจะมีวาสนา ขอเพียงอย่างเดียวว่าการกระทำอีบาดะฮฺของเราไม่ได้เป็นไปเพื่อจะอวดคนอื่น ข่มคนอื่นก็ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่เราได้รับจากอัลลอฮฺอย่างล้นเหลือเเล้วครับ พี่น้องที่รัก..."
-สรุปจากการสอนกีตาบ ฮิกัม อิบนุอาฏออิลละฮฺ โดยบาบออิสมาแอล สปันญัง อัลฟาฏอนีย์ ถอนความโดย ฟากีร-