ความเป็นมนุษย์ต้องมาก่อน
#หมายเหตุโรฮิงยาและพม่า
สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลพม่ากระทำต่อชาวโรฮิงยา(ที่มีไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านคน)และใช้เป็นเหตุผลรองรับในการอธรรมต่อชาวโรฮิงยา คือการสร้างประวัติศาสตร์เพื่อสนองต่อด้านมืดของความเป็นชาติพันธุ์นิยมของตน ด้วยการปฏิเสธตัวตนของชาวโรฮิงยาในอาระกัน รวมทั้งการปฏิเสธการมีอยู่ในเชิงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่านั้น ทั้งที่งานต่างๆ ของนักประวัติศาสตร์ที่อยู่นอกกระแสชาติพันธุ์นิยมต่างก็ยืนยันการมีอยู่ของตัวตนและประวัติศาสตร์ของพวกเขาก่อนอังกฤษเข้ามาหลายศตวรรษ...
ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครเข้าใจและอธิบายการมีอยู่ที่ว่านั้นจะอยู่ในแบบ “รัฐชาติ” (Nation State) เพราะนั่นเป็นแนวคิดที่ใหม่ โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้กับการเกิดใหม่ของประเทศจำนวนมากที่ได้รับเอกราชหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่มันดำรงอยู่ด้วยความสัมพันธ์กับชาติพันธ์อื่นๆ อย่างที่เป็นอยู่กันทั่วไปในโลกยุคสมัยนั้นที่เป็นการดำรงอยู่ระหว่างอาณาจักรต่างๆ และอาณาจักรใหญ่ที่แข็งแรงกว่าจะครอบเหนืออาณาจักรที่เล็กกว่าอย่างตรงไปตรงมา จึงเกิดความสัมพันธ์ทั้งแบบที่รุนแรง ประนีประนอม และตกเป็นดินแดนในอารักขา ดังที่เห็นความสัมพันธ์เหล่านี้เกิดขึ้นหลายชั้นในดินแดนพม่าที่เต็มไปด้วยปัญหาชาติพันธุ์ต่างๆ(คนที่เป็นชาติพันธุ์พม่ามี 68% ที่เหลือเป็นชาติพันธุ์อื่น) แล้วยังมีประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนยาวเหยียดอย่างอินเดีย จีน และสยาม มาจนถึงจักรวรรดินิยมตะวันตกอย่างอังกฤษเข้ามาเกี่ยวพันอย่างยาวนานนับเป็นศตวรรษๆ
การพยายามรณรงค์ของพม่าที่ให้คนเรียกโรงฮิงยาว่าเป็น “เบงกาลี” นั้นยิ่งสะท้อนความไม่รู้เรื่อง(และแสร้งไม่รู้เรื่อง)เลยว่า การจัดความเป็นชาติพันธ์เดียวกับชาวเบงกาลีนั้นไม่เป็นที่ยอมรับ แม้ตัวภาษาของพวกเขาก็เป็นคนละภาษา ถึงจะเป็นภาษาตระกูลเดียวกันและมีความใกล้เคียงกันก็ตาม ...
ส่วนความใกล้เคียงกันเรื่องหน้าตาและชาติพันธ์ต่างๆ นั้น คนในชมพูทวีปที่เป็นคนชาติพันธ์ต่างๆที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกันก็มักจะแยกหน้าตาแทบไม่ได้ อีกทั้งหน้าตาคนไม่ใช่สิ่งที่ใช้จำแนกอย่างเดียวได้ คนที่มีหน้าตาคล้ายกับมากอย่างคนไทย(ก่อนการผสมผสานกับชาวจีนครั้งใหญ่)มีใบหน้าที่ไม่ได้แตกต่างจากเขมร ฟิลิปปินส์ และชวา เช่นเดียวกันคนที่หน้าตาแตกต่างกันก็อาจถูกจัดเป็นชาติพันธ์เดียวกันก็ได้ อย่างชาวเติร์กที่มีหลายสาย รวมทั้งชาวอาหรับด้วยเช่นกัน ... สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนความจงใจที่จะละเลยความจริงในเรื่องมนุษยวิทยาและเรื่องภาษาศาสตร์อีกด้วย
.................................
ปล. ถึงอย่างไรก็ตาม #ตรงนี้สำคัญยิ่งกว่า โรฮิงยาจะเป็นคนที่ไหน? เป็นคนดั้งเดิมหรือไม่ได้ดั้งเดิม? จะอยู่ก่อนอังกฤษเข้ามาหรือหลังอังกฤษเข้ามา? เป็นผู้อพยพชาวเบงกาลีหรือไม่เป็น? นิสัยดีไม่ดีอย่างไร? มันก็ไม่สามารถยกมาเป็นเหตุผลรองรับในการปฏิบัติกันอย่างไม่เป็นมนุษย์ครับ ... คิดตรงนี้ให้ออกครับ ไม่เช่นนั้นจะเอาประวัติศาสตร์(ที่แต่ละฝ่ายเข้าใจ)ที่ไม่เหมือนกัน มาทำร้ายกันอย่างที่มนุษย์ไม่ควรทำกันลง จะศาสนาไหน? ความเชื่อไหน? ชาติพันธุ์อะไร? ประวัติศาสตร์ใครเขียน? ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ... ทว่าความเป็นมนุษย์ย่อมต้องมาก่อน