Skip to main content

 

เคล็ดลับบางอย่างสำหรับชีวิตแต่งงานที่มีความสุข

 

โดย บรรจง บินกาซัน

 

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังนั่ง

 

หนุ่มสาวที่รักกันทุกคู่ต่างใฝ่ฝันถึงวันแต่งงาน และเมื่อถึงวันแต่งงาน ทั้งสองฝ่ายต่างฝันที่จะเป็นสามีภรรยาที่มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัว ต้องการที่จะให้ชีวิตแต่งงานของตนยั่งยืน แต่หลังจากวันแต่งงานแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ว่าชีวิตการแต่งงานไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นศิลปะที่ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง และต้องอาศัยองค์ประกอบอะไรอีกหลายๆในการนำพาชีวิตให้พ้นอุปสรรค

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆที่คิดว่าพอจะช่วยให้หนุ่มสาวใช้ชีวิตแต่งงานอย่างมีความสุขไม่มากก็น้อย

ประการแรกก็คือ แต่งงานด้วยเจตนาที่ถูกต้อง

ถ้าคิดจะแต่งงานต้องเริ่มต้นด้วยเจตนาที่ถูกต้องเสียก่อนและระลึกถึงเจตนานี้เสมอ นั่นคือ อย่าแต่งงานเพื่อตอบสนองอารมณ์ใคร่ แต่ให้แต่งงานด้วยเจตนาเพื่อความพึงพระทัยของอัลลอฮฺซึ่งจะทำให้การแต่งงานกลายเป็นการอิบาด๊ะฮฺ(ปฏิบัติตามคำสั่งพระเจ้า)ที่จะทำให้คู่บ่าวสาวได้รับการตอบแทนและความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ เจตนาตรงนี้จะมีผลให้เกิดความรัก ความสงบ ความสุข ความรักใคร่สมัครสมานและความมั่นคงตลอดชีวิตแต่งงาน ถึงแม้จะไม่มั่งคั่งร่ำรวยก็ตาม

ท่านนบีมุฮัมมัดได้สอนว่าหนุ่มสาวคนใดที่แต่งงาน เขาหรือเธอก็ได้ทำให้ศาสนาของอัลลอฮฺสมบูรณ์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้ไปทำให้สมบูรณ์หลังการแต่งงานโดยการใช้ชีวิตด้วยความยำเกรงอัลลอฮฺ(ตักวา) นั่นหมายความว่าเมื่อทั้งสามีภรรยาตระหนักว่าตัวเองต่างมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยทำให้ศาสนาของอัลลอฮฺสมบูรณ์ด้วยการใช้ชีวิตตามบทบัญญัติของพระองค์ ทั้งสองก็มีเป้าหมายร่วมกันที่จะฝ่าฟันไปให้ถึง

ประการที่สอง จำไว้ว่าคู่ครองของคุณเป็นพี่ชายและน้องสาวในอิสลาม

บ่อยครั้งที่มุสลิมปฏิบัติกับคนนอกบ้านอย่างดี แต่กลับปฏิบัติกับคู่ครองของตนเองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มุสลิมต้องระลึกอยู่เสมอว่าคู่ครองของเราเป็นพี่น้องในอิสลามร่วมกับเราด้วย และคู่ครองของเราก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นเดียวกับคนอื่นเช่นกัน อย่างน้อยที่สุด เมื่อมุสลิมคนอื่นมีสิทธิ์ได้รับความปลอดภัยจากลิ้นและมือของมุสลิมด้วยกัน คู่ครองก็ต้องได้รับสิทธิ์มากกว่านั้นอีก

ประการที่สาม อย่าคาดหวังอะไรเกินความจริง

ก่อนการแต่งงาน ผู้หญิงและผู้ชายมักจะคาดหวังและคิดอะไรที่เกินความจริง บางคนก็คาดหวังในตัวคู่ครองของตนเองไว้สูงเกินไป เมื่อไม่ได้ตามคาดหวังก็เกิดความทุกข์และเกิดปัญหาขึ้นมาโดยไม่จำเป็น เราจะต้องระลึกอยู่เสมอว่า อัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงสมบูรณ์ทุกอย่าง ส่วนมนุษย์นั้นเป็นสิ่งถูกสร้างที่ไม่สมบูรณ์ มีส่วนดีส่วนเสีย มีส่วนขาดส่วนเกินเหมือนกับฟันเฟืองในเครื่องจักรที่จะต้องปรับให้เข้ากันเพื่อให้เครื่องจักรกลทำงานได้ ดังนั้น อย่าได้คาดหวังอะไรไว้สูงจนเกินไป ถ้าไม่คาดหวังอะไรได้ก็ยิ่งดี บางทีการไม่คาดหวังอะไรอาจทำให้เรามีความสุขก็ได้เมื่อเราพบว่าคู่ครองของเรามีอะไรเกินกว่าที่เราคาดหวังไว้เสียอีก

ประการที่สี่ จงภูมิใจในสิ่งที่คู่ครองของเรามีอยู่

เนื่องจากไม่มีใครในโลกนี้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ทุกคนจะมีคุณสมบัติบางอย่างที่ดีอยู่ในตัว พยายามหาคุณสมบัติที่ดีอันนั้นแล้วพยายามส่งเสริม สนับสนุนให้คุณสมบัตินั้นดีขึ้นเพื่อนำมาเป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ส่วนเรื่องข้อเสียบางอย่างที่มีอยู่ในตัวของคู่ครองก็ควรมองข้ามไป ท่านนบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่า “ชายผู้ศรัทธาไม่ควรคิดร้ายต่อหญิงผู้ศรัทธา เขาอาจจะไม่ชอบลักษณะบางอย่างในตัวเธอ แต่ในตัวเธออาจมีอะไรอย่างอื่นที่ดีก็ได้” (บันทึกโดยมุสลิม)

ประการที่ห้า เป็นเพื่อนที่ดีของคู่ครอง

พยายามคิดว่าเพื่อนที่ดีที่สุดหมายถึงอะไรและพยายามเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดต่อคู่ครองของคุณ ความเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดอาจหมายถึงการแบ่งปันแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ประสบการณ์ ความฝัน ปัญหาและอุปสรรคซึ่งกันและกัน มันอาจรวมถึงการเข้าใจถึงสิ่งที่คู่ครองของเราชอบและไม่ชอบ เพื่อนที่ดีที่สุดโดยปกติแล้วคือผู้ที่เราสามารถไว้วางใจได้ ดังนั้น คู่ครองจะต้องเป็นเหมือนเพื่อนที่ดีที่เราต้องการจะรักษาไว้ตลอดชีวิต

ประการที่หก มีเวลาพิเศษให้แก่กันและกัน

การเป็นสามีภรรยามิได้มีแค่เพียงการกินอาหารร่วมกัน การช่วยกันทำอาหารและคุยกันเท่านั้น สามีภรรยาควรหาเวลาที่จะทำให้ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวมั่นคงด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากแต่งงานแล้ว สามีมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานเพื่อก่อร่างสร้างตัวจนลืมเวลาที่จะให้กับภรรยาของตัวเองซึ่งอาจเป็นสาเหตุความสัมพันธ์ในครอบครัวเสื่อมลง ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายควรหาเวลาพิเศษให้แก่กันและกัน เช่น การออกไปเดินในสวนสาธารณะด้วยกัน ทำงานอดิเรกหรืองานบางอย่างร่วมกัน การออกไปพักผ่อนค้างแรมต่างจังหวัด เป็นต้น

ประการที่เจ็ด แสดงความรู้สึกต่อกันบ่อยๆ

การแสดงความรู้สึกต่อกันนี้บางทีอาจจะถูกเป็นวัฒนธรรมของตะวันตกและคนฝั่งเอเซียดูเป็นเรื่องขัดเขินและยากที่จะปฏิบัติ แต่การแสดงความรู้สึกทั้งทางบวกและลบของตนอย่างซื่อตรงเปิดเผยก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง เมื่อรู้สึกคิดถึงหรือเป็นห่วงก็ควรจะบอกว่าคิดถึงและเป็นห่วง แม้จะอยู่ห่างไกลก็สามารถใช้โทรศัพท์บอกได้ เมื่อรู้สึกรักก็บอกรัก เมื่อรู้สึกซาบซึ้งก็ยกย่องหรือขอบคุณ หากไม่พอใจอะไรก็บอกให้คู่ครองได้รู้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความรักและการรู้ใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว การเก็บความรู้สึกทั้งดีและไม่ดีไว้ในใจไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรแก่ตัวเองและครอบครัว

ประการที่แปด รู้จักยอมรับผิดและขออภัย

เมื่อเราทำผิดและรู้จักขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺฉันใด เราก็ควรจะทำเช่นนั้นบ้างกับคู่ครองของเรา คนที่เข้มแข็งนั้นคือคนที่สามารถยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำและรู้จักขออภัยต่อคนอื่นและพยายามปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น คนที่ยอมรับผิดและขออภัยต่อคนอื่นจะได้รับการให้อภัยและได้รับความเคารพติดตามมา

ประการที่เก้า อย่ารื้อฟื้นความผิดเมื่อครั้งอดีต

การรื้อฟื้นความผิดในอดีตอาจทำให้คนบางคนได้รับความเจ็บปวด โดยทั่วไปแล้ว อิสลามไม่แนะนำให้รื้อฟื้นหรือผูกพันอยู่กับความหลัง เราอาจจะจำความผิดไว้เพื่อมิให้มันเกิดขึ้นอีก แต่ก็ไม่ควรจะจมอยู่กับความหลังจนเกินไป ในฐานะมนุษย์ เราไม่สามารถที่จะตัดสินคนอื่นได้ ถ้าหากคู่ครองเรามีความผิด ก็ควรให้อภัยและให้คำแนะนำด้วยดี

ประการที่สิบ สร้างเซอร์ไพรส์ให้กันและกันบ้าง

การสร้างความประหลาดใจหรือเซอร์ไพรส์ให้กันในบางโอกาสเป็นเครื่องชูรสให้แก่ชีวิตแต่งงาน เช่น การกลับมาบ้านพร้อมกับกล่องของขวัญ การเตรียมอาหารพิเศษ การแต่งตัวสวยงามด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่หรือเสื้อผ้าที่ดูแปลกตา(ไม่ถึงกับต้องหาชุดนักเรียนพาณิชย์หรือชุดกิโมโนมาใส่) และวิธีอื่นๆอีกหลายวิธี สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ชีวิตแต่งงานมีรสชาติ

ประการที่สิบเอ็ด มีอารมณ์ขันบ้าง

การมีอารมณ์ขันนอกจากจะทำให้บรรยากาศในครอบครัวมีความสุขแล้วบางครั้งยังอาจช่วยคลี่คลายสถานการณ์จากร้ายให้กลายเป็นดีได้ ชีวิตเป็นเหมือนกับสายธารแห่งการทดสอบและการท้าทาย การมีสติและอารมณ์ขันจะช่วยให้เราฝ่าฟันอุปสรรคไปได้อย่างสนุกสนาน บางครั้งอารมณ์ขันอาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้คู่ครองของคุณรักคุณและมั่นใจในตัวคุณมากขึ้น