ปธน.สหรัฐฯ เรียกเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ล้มนโยบายรัฐบาลเดิมที่ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ ด้วยการประกาศว่าสหรัฐฯ ยอมรับนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และเรียกความเคลื่อนไหวล่าสุดว่า "เป็นขั้นตอนที่ล่าช้ามานาน" เพื่อผลักดันกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลาง
สถานะของนครเยรูซาเลมซึ่งเป็นเมืองโบราณ ถือเป็นหนึ่งในประเด็นขัดแย้งที่เต็มไปด้วยอุปสรรคระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
รัฐบาลอิสราเอลเรียกความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า "เป็นประวัติศาสตร์" ท่ามกลางคำวิจารณ์รุนแรงจากนานาชาติ
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐฯ จะยังคงสนับสนุนทางออกที่ยอมรับการมีอยู่ของทั้งสองรัฐ หากทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์เห็นด้วย ซึ่งในที่สุดแล้วทางออกนี้จะนำไปสู่การก่อตั้งรัฐเอกราชปาเลสไตน์
ด้านประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส เรียกการประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า "น่าเสียใจ" และระบุว่าสหรัฐฯ จะไม่สามารถเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยสันติภาพได้อีกต่อไป
ขณะนี้ มีแปดจาก 15 ประเทศสมาชิกในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กำลังเรียกร้องให้จัดการประชุมเร่งด่วนภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการตัดสินใจของสหรัฐฯ
นัยสำคัญของความเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐฯ
การตัดสินใจยอมรับนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ทำให้สหรัฐฯ ตกอยู่ในสถานะขัดแย้งกับมุมมองของประชาคมนานาชาติเรื่องสถานะของนครเยรูซาเลม
ชาวปาเลสไตน์อ้างว่านครเยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐฯ ซึ่งจะก่อตั้งขึ้นในอนาคต และตามข้อตกลงสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ปี 1993 จะต้องมีการหารือถึงอนาคตของนครเยรูซาเลมในการเจรจาสันติภาพขั้นต่อไป ส่วนอธิปไตยเหนือดินแดนเยรูซาเลมที่อิสราเอลอ้าง ยังไม่เคยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ที่ผ่านมา ทุกประเทศเลือกที่จะตั้งสถานทูตในกรุงเทล อาวีฟ
นครเยรูซาเลมเป็นสถานที่ตั้งของศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์สามแห่ง ของสามศาสนา คือ ยูดาห์ อิสลาม และคริสต์ โดยทางตะวันออกของเมือง ซึ่งรวมถึงเขตเมืองเก่า ถูกอิสราเอลผนวกดินแดนหลังจากสงครามหกวัน หรือ Six Day War เมื่อปี 1967 ทว่า ดินแดนดังกล่าว ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอล
คำกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวว่า "ได้ตัดสินใจแล้วว่า หนทางนี้จะเอื้อประโยชน์สูงสุดให้กับสหรัฐฯ และความพยายามสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์" นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่าได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มเตรียมการย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทล อาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเลม
แม้จะมีคำเตือนว่าความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ อาจก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นตามมาในภูมิภาค แต่ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่เป็นไปตามสัญญาที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เคยพูดไว้ในตอนหาเสียง และเป็นที่พอใจของฐานเสียงนิยมขวา โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า "วันนี้ ผมทำตามสัญญา"
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเสริมว่า การยอมรับนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล "ไม่ได้มากหรือน้อยไปกว่าการยอมรับความเป็นจริง" และ "นี่เป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว"
ด้านกลุ่มแนวร่วมคนเชื้อสายยิวที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน ได้ซื้อหน้าโฆษณาในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ เพื่อลงข้อความขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งกลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนจากนายเชลดอน อาเดลสัน ซึ่งเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของพรรครีพับลิกันและประธานาธิบดีทรัมป์
ความเคลื่อนไหวที่มีแรงผลักดันจากในประเทศ
บทวิเคราะห์โดย บาร์บารา เพลท-อัชเชอร์บีบีซี นิวส์ วอชิงตัน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เน้นย้ำหลายครั้งว่าเขากำลังทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในการหาเสียง ซึ่งเท่ากับส่งสัญญาณว่าการตัดสินใจที่เป็นที่ถกเถียงนี้ มีการเมืองภายในประเทศเป็นแรงผลักดันสำคัญ
คำประกาศนี้จะมีความหมายมากกว่า หากถูกบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของแผนสันติภาพ ทว่า เนื่องจากทางทำเนียบขาวยังคงร่างเอกสารอยู่ ทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องใช้เวลาในการแถลงข่าวเพื่อตอบโต้คำวิจารณ์ที่ว่า เขากำลังตัดสินความริเริ่มด้านสันติภาพของตัวเองไปก่อนหน้าที่เอกสารจะออกมา
ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่า สหรัฐฯ ยังคงยึดมั่นในความพยายามที่จะช่วยไกล่เกลี่ยข้อตกลงซึ่งทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ และไม่ได้เลือกจุดยืนที่ในที่สุดแล้วจะหมายถึงสถานะของนครเยรูซาเลม ซึ่งดูเหมือนจะมีความหมายเป็นนัยว่าการอ้างกรรมสิทธิโดยปาเลสไตน์เหนือพื้นที่ทางตะวันออกของนครเยรูซาเลมที่กำลังถูกยึดครอง จะยังคงอยู่บนโต๊ะเจรจาต่อไป เพียงแต่ข้ออ้างของประธานาธิบดีทรัมป์จะชัดเจนกว่านี้ หากมีการระบุอย่างละเอียด และให้ความชัดเจนว่าเป้าหมายในที่สุดแล้วคือการมีอยู่ของทั้งสองรัฐ
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนทางออกดังกล่าวหากทั้งสองรัฐเห็นด้วย โดยไม่ได้ให้ความชัดเจนอย่างที่ปาเลสไตน์ต้องการ จึงทำให้ถ้อยแถลงที่ออกมา สื่อว่าเขายอมรับอิสราเอล และไม่ได้ให้ความสำคัญกับปาเลนไตน์
เสียงสะท้อนจากอิสราเอลและปาเลนไตน์
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล เรียกการตัดสินใจของสหรัฐฯ ว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ และกล่าวว่า อิสราเอลขอขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์เป็นอย่างสูง โดยทวีตข้อความว่า "เยรูซาเลม เป็นเป้าหมายแห่งความหวัง ความฝัน และการภาวนาของเรามานานสามสหัสวรรษ"
ด้านนายอับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ กล่าวผ่านโทรทัศน์ที่มีการบันทึกไว้ล่วงหน้าว่า นครเยรูซาเลมเป็น "เมืองหลวงตลอดกาลของรัฐปาเลนไตน์" และก่อนหน้านี้ ได้ออกคำเตือนผ่านโฆษกว่า "จะเกิดผลลัพธ์ที่อันตราย" ตามมา เช่นเดียวความเห็นของผู้นำชาติอาหรับคนอื่น ๆ ซึ่งมองว่าอาจทำให้เกิดความไม่สงบตามมาได้
สื่อท้องถิ่นที่สนับสนุนกลุ่มฮามัสรายงานว่า เกิดการประท้วงขึ้นที่ฉนวนกาซา ก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯ จะประกาศการตัดสินใจดังกล่าว โดยการประท้วงจัดขึ้นตามคำเรียกร้องของกลุ่มอิสลามฮามัสซึ่งปกครองฉนวนกาซา โดยกลุ่มฮามัสระบุว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ จะ "เปิดประตูสู่นรก" สำหรับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาค
เสียงจากประชาคมนานาชาติ
การตัดสินใจของสหรัฐฯ มีขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากกลุ่มประเทศมุสลิม และพันธมิตรของสหรัฐฯ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย ตรัสว่า ความเคลื่อนไหวนี้ "จะกลายเป็นการยั่วยุชาวมุสลิมทั่วโลก" ซึ่งขณะนี้ มีกลุ่มผู้ประท้วงรวมตัวกันแล้ว ทั้งที่ฉนวนกาซา และด้านหน้าสถานกงสุลสหรัฐฯ ในนครอิสตันบูลประเทศตุรกี
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่านี่เป็น "ช่วงเวลาแห่งควาววิตกกังวลอย่างมาก" และ "ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการมีอยู่ของทั้งสองรัฐ ไม่มีแผนสอง"
ปฏิกิริยาจากผู้นำคนอื่น ๆ:
- นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของสหรัฐฯ ซึ่ง "ไม่ช่วยอะไรในแง่อนาคตของสันติภาพในภูมิภาค"
- ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ระบุว่า ฝรั่งเศสไม่สนับสนุนความเคลื่อนไหวดังกล่าว และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ
- นางเฟเดอริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าวว่า "มีความห่วงกังวลอย่างมาก"