ความมืดสามชั้นที่ปกป้องทารกถูกระบุในอัลกุรอาน
รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน
ศาสตราจารย์ นายแพทย์คีธ เลออน มัวร์ (Keith Leon Moore) เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในสาขากายวิภาคศาสตร์ ภาควิชาศัลยศาสตร์มหาวิทยาลัยโตรอนโต ประเทศแคนาดา นับถึง ค.ศ.2017 ท่านมีอายุ 92 ปี สนใจศึกษาคัมภีร์อัลกุรอานมานานกระทั่งพบความอัศจรรย์มากมายที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ในอัลกุรอาน หนึ่งในนั้นคือถ้อยความในซูเราะฮฺอัซซุมัรซึ่งกล่าวถึงทารกขณะอยู่ในครรภ์
خَلَقَكُم مِّن نَّفۡسٍ۬ وَٲحِدَةٍ۬ ثُمَّ جَعَلَ مِنۡہَا زَوۡجَهَا وَأَنزَلَ لَكُم مِّنَ ٱلۡأَنۡعَـٰمِ ثَمَـٰنِيَةَ أَزۡوَٲجٍ۬ۚ يَخۡلُقُكُمۡ فِى بُطُونِ أُمَّهَـٰتِڪُمۡ خَلۡقً۬ا مِّنۢ بَعۡدِ خَلۡقٍ۬ فِى ظُلُمَـٰتٍ۬ ثَلَـٰثٍ۬ۚ ذَٲلِكُمُ ٱللَّهُ رَبُّكُمۡ لَهُ ٱلۡمُلۡكُۖ لَآ إِلَـٰهَ إِلَّا هُوَۖ فَأَنَّىٰ تُصۡرَفُونَ
“พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าจากชีวิตหนึ่ง แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้เป็นของคู่ครองของมันและทรงประทานปศุสัตว์แปดตัวเป็นคู่แก่พวกเจ้า พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าในครรภ์ของมารดาพวกเจ้า เป็นการบังเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืดสามชั้น นั่นคืออัลลอฮฺพระเจ้าของพวกเจ้า พระอำนาจเป็นสิทธิของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้นอกจากพระองค์แล้วทำไมพวกเจ้าจึงผินหน้าไปทางอื่น” อัซซุมัร 39:6
ศาสตราจารย์คีธ มัวร์ กล่าวว่ามดลูกของสตรีมีเนื้อเยื่อสามชั้นปกคลุมไว้ (1) ชั้นนอกสุดคือเยื่อบุหน้าท้องด้านหน้าที่คลุมด้านนอกของมดลูกไว้ (anterior abdominal wall) โดยต่อเชื่อมไปถึงผนังอวัยวะเพศ (2) ผนังมดลูก (the uterine wall) ประกอบด้วยชั้นของกล้ามเนื้อเรียบที่หนาประมาณ 12-15 มิลลิเมตร มีการเรียงตัวทั้งแบบตามยาว วงกลม และแบบเฉียง ในช่วงตั้งครรภ์เส้นใยกล้ามเนื้อสามารถที่จะขยายให้ใหญ่ขึ้นและยืดยาวออกได้ถึง 10 เท่าตัว เมื่อคลอดบุตรแล้วกล้ามเนื้อของมดลูกจะหดเล็กลงตามเดิม (3) ชั้นในสุดคือผนังที่เรียกว่า the amnio-chorionic membrane ทำหน้าที่โอบอุ้มทารกในครรภ์ไว้ในน้ำคร่ำของมารดา ผนังทั้งสามชั้นเป็นผลให้ภายในครรภ์มืดสนิทเหมาะสมต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์
ความรู้ทางการแพทย์ดังกล่าวได้รับการยืนยันเชิงวิชาการเมื่อไม่เกินสองร้อยปีที่ผ่านมา ทว่าอัลกุรอานซึ่งมีอายุกว่า 1,400 ปีกล่าวถึงความมืดสามชั้น (ظُلُمَـٰتٍ۬ ثَلَـٰثٍ۬) ที่ปกป้องทารกไว้ คำถามที่ศาสตราจารย์มัวร์ตั้งไว้คือด้วยความรู้ที่ปรากฏอยู่ในยุคโบราณโดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนทะเลทรายเช่นนั้น อัลกุรอานรู้ได้อย่างไร สิ่งนี้จึงเป็นความอัศจรรย์ที่ปรากฏในอัลกุรอานซึ่งศาสตราจารย์มัวร์กล่าวว่าเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างน่าฉงน
