Skip to main content

 

กองทัพภาคสี่ แจ้งความเว็บผู้จัดการฐานกล่าวหาว่าซ้อมผู้ต้องสงสัย

 

มารียัม อัฮหมัด
ปัตตานี
 
180209-TH-military-libel-1000.jpg
พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 แสดงรายงานข่าวผู้จัดการออนไลน์ที่เกิดปัญหา ระหว่างการแจ้งความดำเนินคดี ที่สถานีตำรวจเมืองปัตตานี วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
 มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 ได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธร จังหวัดปัตตานี ในวันศุกร์นี้ เพื่อแจ้งความเอาผิดกับบรรณาธิการเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ในข้อหาหมิ่นประมาทและรายงานข้อมูลอันเป็นเท็จ จากการเผยแพร่ข่าวว่าผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงถูกซ้อมทรมาน ในค่ายอิงคยุทธบริหาร ช่วงปี 2550-2560 และจะเรียกร้องค่าเสียหาย 10 ล้านบาท

พ.อ.หาญพล เพชรม่วง กล่าวว่า เข้าแจ้งความใจความวันนี้ เพราะได้รับมอบอำนาจจาก พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ให้เข้าแจ้งความเอาผิดบรรณาธิการ ผู้จัดการ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข่าวของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเรียกค่าเสียหายจากเว็บไซต์ จากการเผยแพร่รายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้

“สื่อออกข่าวว่าหน่วยทหารมีการซ้อมทรมาน ผมมองว่าการกระทำแบบนี้ เป็นการทำเป็นกระบวนการ... ไม่ยอมความ ขอฟ้อง 10 ล้าน ที่ได้เผยแพร่ข่าวผู้ต้องสงสัยเผยถูกซ้อมระหว่างถูกควบคุมตัว ในหน่วย 43 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้” พ.อ.หาญพล กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

“ณ วันนี้ศาลรับฟังผลซักถาม มีผลในการตัดสิน เดิมเป็นแค่พยานบอกเล่า เปอร์เซ็นต์รับสารภาพมีสูง เราไม่จำเป็นต้องทรมาน เรามีการจับกุมเยอะ ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ที่เราไปเชิญตัวมา การซักถามไม่ใช่แค่การนั่งคุย ทำเป็นกระบวนการ มีการตรวจร่างกาย มีแพทย์ มาฟังหลักศาสนาที่ถูกต้องจากบาบอ ความสำนึกความเป็นไทย สำคัญที่สุดคือ ข้อมูลฐานความผิดที่เรามีอยู่” พ.อ.หาญพลกล่าวอธิบายถึงกระบวนการซักถามผู้ต้องสงสัยว่ามีความโปร่งใส

“ยืนยันว่า ไม่มีการซ้อมทรมาน แต่เป็นขบวนการที่ต้องการดิสเครดิต หน่วยที่ 43 ที่ทำงานได้ผล ทุกวันนี้ไม่คุ้มค่าที่จะซ้อมทรมาน การที่จะเอาตำแหน่งตัวเองมาแลกกับคดีแล้วไปซ้อม ไม่คุ้มคดีนี้” พ.อ.หาญพลกล่าวเพิ่มเติม

นายวิฑูรย์ คีรีลักษณ์ ทนายความ ตัวแทนของกองทัพภาคที่ 4 ระบุว่า การฟ้องครั้งนี้เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า

“การเสนอข่าวของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ทำให้ กอ.รมน. 4 และหน่วยเฉพาะกิจ เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงต้องออกมาปกป้อง มีการแจ้งความประเด็นความผิดฐานหมิ่นประมาณ ผู้อื่นด้วยการโฆษณา และนำข้อความที่เป็นเท็จเข้าสูระบบคอมพิวเตอร์” นายวิฑูรย์กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ แดงวรวิทย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร จังหวัดปัตตานี ผู้รับแจ้งความ กล่าวว่า หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมข้อมูลและหลักฐาน เพื่อพิจารณาว่าจะส่งฟ้องคดีนี้หรือไม่

“หมิ่นประมาท ผู้อื่นด้วยการโฆษณา และนำข้อความที่เป็นเท็จเข้าสูระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อ กอ.รมน. 4 และ หน่วยเฉพาะกิจ 43 ตอนนี้ รับแจ้งความในคดีอาญาไว้แล้ว และหลังจากนี้จะดำเนินการตรวจสอบ” พ.ต.ท.ทวีศักดิ์กล่าว

รายงานข่าวของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์เรื่อง “แฉ! อดีตผู้ต้องสงสัยเผยถูกซ้อมทรมานเหมือนตาย ระหว่างถูกคุมตัวในค่ายทหาร” ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 ระบุว่า ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจากบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นอดีตผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคงและถูกซ้อมทรมาน ระหว่างเข้าสู่กระบวนการซักถามในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ระหว่างช่วงปี 2550-2560 รวม 4 ครั้ง

“นายปะดอเลาะ (นามสมมติ) กล่าวว่า ตัวเองโดนซ้อมมาตลอดตั้งแต่ปี 2550 ปี 2555 ปี 2556 และปี 2560 จำนวน 4 ครั้ง ที่ถูกควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ไปที่บ้านไม่เจออะไรเลย บอกแค่ว่าจับตามหมาย พ.ร.ก. ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ระหว่างถูกควบคุมตัวถูกซ้อมตลอด พยายามเรียกร้องก็อ้างไม่ขึ้น ก็แค่ชาวบ้านค้านอำนาจรัฐไม่ขึ้นหรอก ครั้งสุดท้ายที่ถูกควบคุมตัวปี 2560 ที่ผ่านมา มือหัก และมีแผลตามตัวเต็มไปหมด ยังทำอะไรไม่ได้ รัฐบาล แม่ทัพไม่มีใครฟังเลย กลับมาว่าชาวบ้านใส่ร้ายเจ้าหน้าที่อีก” ตอนหนึ่งของรายงานข่าวดังกล่าวระบุ

ด้านนายปิยะโชติ อินทรนิวาส หัวหน้า ศูนย์ข่าว เอเอสทีวีผู้จัดการ และหาดใหญ่-นิวส์ 1 ระบุว่า ตนทราบเรื่องคดีที่กองทัพได้ฟ้องร้องผู้จัดการออนไลน์แล้ว โดยยืนยันว่า สำนักข่าวจะต่อสู้เพื่อนำเสนอความจริง และการที่ไม่เปิดเผยชื่อ และภาพของแหล่งข่าวเป็นกระบวนการปกป้องแหล่งข่าว

“หลังจากนี้ก็ถือว่าเป็นข้อพิสูจน์ ในกระบวนการยุติธรรม ศาลมีหน้าที่ชี้ ข้อมูลที่นำเสนอมีข้อเท็จจริง ผู้จัดการ ไม่ได้มีอคติกับหน่วยงานรัฐ เราพิจารณาแล้วว่าเป็นประโยชน์กับสังคมกับประเทศไทย และหลักการสากลก็ไม่ควรไปละเมิด ก็ต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาล เพียงแต่ขอให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามความจริง” นายปิยะโชติกล่าวต่อเบนาร์นิวส์ผ่านทางโทรศัพท์

ในอดีตที่ผ่านมา กอ.รมน. ภาคที่สี่ เคยฟ้องร้องดำเนินคดีนักสิทธิมนุษยชนสามราย ที่เผยแพร่รายงานสถานการณ์การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรี ในจังหวัดชายแดนใต้ ในห้วงปี พ.ศ. 2557-2558 แต่อัยการได้ตัดสินยุติคดี หลังจากนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตัดสินใจสั่งให้ถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาหมิ่นประมาท

ในวันนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม กลุ่มด้วยใจ และเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี ซึ่งเคยถูกฟ้องร้องในครั้งนั้น ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องยุติการดำเนินคดีกับผู้จัดการออนไลน์ เพราะสื่อมวลชนมีหน้าที่ในการสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ควรมีการสอบสวนสืบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่ www.benarnews.org