วิพากษ์กระบวนการสันติภาพ/สันติสุขร่วมสมัย
ตูแวดานียา ตูแวแมแง
มาถึงชั่วโมงนี้คำว่าสันติภาพหรือสันติสุขก็ยังคงขายออกในราคาหลากหลายระดับ แต่ที่แน่ๆหากในมิติของนักรบซึ่งมีอุดมการณ์อันแน่วแน่เพื่ออะไรสักอย่าง แต่คนทั่วไปจะเข้าใจพวกเขายากเหลือเกิน ราคาสันติภาพ/สันติสุขสำหรับพวกเขาคือต้องแลกมาด้วยชีวิตเท่านั้น ส่วนในมิติของนักอื่นๆก็ต้องถามใจตัวเองดูว่าสันติภาพ/สันติสุขที่ตัวเองอยากได้นั้นมันคุ้มค่ากับการต้องแลกด้วยอะไร
หากในระดับปัจเจกบุคคลแล้วคำว่าสันติภาพ/สันติสุขนั้นก็คงหลีกไม่พ้น การที่คนๆหนึ่งได้ครอบครองปัจจัยสำคัญๆของการใช้ชีวิตจนส่งผลให้ตัวเองได้รับความสุขและสามารถแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่นได้อีกด้วย
ปัจจัยสำคัญดังกล่าวนั้น บ้างก็ขึ้นอยู่กับวัตถุ บ้างก็อยู่กับความสุขทางใจ
ถึงกระนั้นความสุขในระดับปัจจเจกบุคคลก็ยังไม่มีความมั่นคง หากมีแต่มาตรการให้ได้ครอบครองปัจจัยแห่งความสุขเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีมาตรการการดูแลรักษาและการป้องกันภัยอันตรายต่างๆ
ดังเช่น ครอบครัวหนึ่งมีพ่อแม่ลูกและตากับยาย อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันบนที่ดินแปลงหนึ่งที่มากพอสำหรับการผลิตอาหาร ทั้งพืชผักผลไม้และเนื้อสัตว์เพื่อการครองชีพและการค้าขาย ครอบครัวนี้จึงเลือกประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรบนที่ดินของตัวเอง เพื่อที่ไม่ต้องจากบ้านไปทำงานไกลๆจะได้ดูแลคนที่ตัวเองรักได้อย่างเต็มที่ และเพื่อความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของสมาชิกครอบครัวบนที่ดินของตัวเองแปลงนี้ พวกเขาก็จำเป็นต้องมีอาวุธป้องกันตัวจากคนชั่วที่อาจจะมาปล้นบ้าน ปล้นวัวแพะ หรือมาขโมยพืชผักผลไม้
ทำนองเดียวกันหากเป็นในระดับสังคมซึ่งประกอบด้วย ร้อย พัน หมื่น แสน ล้านครอบครัว จะมีความสุขได้นั้น ก็ต้องมีมาตรการให้ได้ครอบครองปัจจัยแห่งความสุขและมาตรการดูแลรักษาปัจจัยแห่งความสุข ตลอดจนมีมาตรการป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะมาทำลายปัจจัยแห่งความสุขด้วย
เฉกเช่นสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ของประเทศไทยซึ่งมีอนาคตของสังคมในพื้นที่เป็นเดิมพัน มาถึงชั่วโมงนี้ก็มีกระบวนการสันติภาพ/สันติสุขเกิดขึ้นมาอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี2556 จนถึงปัจจุบันก็มีอายุได้ 5 ปีแล้ว
กระบวนการสันติภาพ/สันติสุขชายแดนใต้ มีสถานะโดยปริยายและโดยการอ้างมาตลอดว่า จะคืนความสุขบ้าง จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ให้กับสังคมในพื้นที่บ้าง แต่มาถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจนนอกจากคำว่า "พื้นที่ปลอดภัย" ในท่ามกลางสถานการณ์จริงสุดๆของการสู้รบด้วยอาวุธสงครามกันอย่างเข้มข้นระหว่างกองกำลังรัฐไทยกับกองกำลังขบวนการเพื่อเอกราชปาตานี
ทั้งๆที่คำว่าสันติถาพ/สันติสุขจากผู้คนธรรมดาชาวบ้านทั่วไปอยากได้ก็คือความสุขที่มาจากมาตรการได้ครอบครองปัจจัยแห่งความสุข ผสมผสานกันในหลากหลายปัจจัย ซึ่งแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ของประเทศ อาจพอแยกแยะได้ประมาณนี้คือ ศาสนา การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและการศึกษา
มาตรการได้ครอบครองปัจจัยแห่งความสุขเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะโลกแห่งความเป็นจริงนั้น มันไม่ได้สวยหรูเหมือนความฝันของหลายๆคนอยากให้เป็น
ฉะนั้นเพื่อการตอบโจทย์การได้มีความสุขอย่างมั่นคงของสังคมหนึ่งๆ แน่นอนก็ต้องมีมาตรการดูแลรักษาปัจจัยแห่งความสุขและมาตรการป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะมาทำลายปัจจัยแห่งความสุขนั้นได้ด้วย
อันที่จริงรายละเอียดทั้ง3มาตรการข้างต้น คู่เจรจาของรัฐไทยในกระบวนการสันติภาพ/สันติสุขที่กำลังดำเนินการอยู่ก็สามารถบอกได้อย่างละเอียดโดยไม่เกินความคาดหมายของหลายๆฝ่ายอย่างแน่นอน
หากแต่ที่ยังบอกไม่ได้ หรืออยากบอกแต่รัฐไทยยังไม่อยากฟัง อาจจะเกี่ยวกับสถานะความชอบธรรมของการเป็นตัวแทนจากสังคมในพื้นที่ของคู่เจรจารัฐไทยยังไม่มีความชอบธรรมมากพอก็เป็นได้หรือไม่
คำตอบนี้คณะพูดคุยฝ่ายรัฐไทยกับฝ่ายมาราน่าจะรู้ดี และคนที่จะรู้ดีมากที่สุดจริงๆก็คงหลีกไม่พ้นประชาชนจากสังคมในพื้นที่นั่นเอง
ถ้าดูที่นโยบายแล้ว ทั้งรัฐไทยและมาราในกระบวนการพูดคุยสันติภาพ/สันติสุข ต่างก็ไม่มีใครไม่ได้อ้างว่าทำเพื่อประชาชน หากแต่ในทางกระบวนการของการดำเนินการเท่านั้น ที่ยังไม่เห็นความชัดเจนว่ามีความยึดโยงกับความต้องการของประชาชนอย่างไร
อีกนัยหนึ่งกระบวนการทำเพื่อประชาชนแต่ไม่ยึดโยงกับความต้องการของประชาชนนั้น อาจเรียกได้ว่า เป็นกระบวนการจากบนลงล่างเพียงอย่างเดียว ขาดการมีส่วนร่วมกำหนดจากประชาชน
หากเป็นเช่นนี้จริง ปลายทางของกระบวนการสันติภาพ/สันติสุขแบบนี้ แน่นอนว่าสะท้อนให้เห็นถึงเจตนาที่ไม่ได้หวังอยากจะตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนเป็นหลัก
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ฝ่ายที่มีอำนาจในการกำหนดกระบวนการให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็นโดยยึดหลักผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง จะต้องมาทบทวนกระบวนการสันติภาพ/สันติสุขที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ ให้มีความยึดโยงอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นธรรมกับประชาชนหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นกระบวนการสันติภาพ/สันติสุขจากฐานล่าง ที่มีผู้คนธรรมดาชาวบ้านทั่วไปมีส่วนร่วมกำหนดชะตาชีวิตตนเองได้อย่างแท้จริง
เพราะหากว่า เป้าหมายของสันติภาพ/สันติสุขชายแดนใต้ของประเทศไทยนั้นคือ ประชาชน จริงๆ