บรรยากาศหน้าเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี เต็มไปด้วยญาติพี่น้องที่มาเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำตามปกติ หลักจากที่เกิดเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 54 ที่ทำให้มีนักโทษเสียชีวิต 1 ราย หนึ่งวันถัดจากวันที่เกิดเหตุการณ์เป็นวันที่ 8 ของเดือนเซาวัล(เดือนหลังจากเดือนรอมฎอน ตามปฏิทินอิสลาม) เป็นวันที่ชาวมลายูมุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดปัตตานีมีการเลี้ยงฉลองเมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจการถือศีลอด 6 วันในเดือนเซาวัล ซึ่งได้มีกำหนดให้หลังจากที่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนครบ 1 เดือนแล้ว หากผู้ใดถือศีลอด 6 วันในเดือนเซาวัลจะได้รับผลบุญเท่ากับถือศีลอด 1 ปี และในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้มีการกำหนดวันหลังจากถือศีลอดได้ครบ 6 วันแล้วให้เป็นวันฉลองและให้มีการเยี่ยมกูโบร์ (สุสาน)
สถานการณ์ที่เรือนจำกลางจังหวัดปัตตานีหลังจากเกิดเหตุ ในวันนี้มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะเข้าไปตรวจค้นภายในเรือนจำ แต่ด้วยการเรียกร้องของผู้ต้องขังให้เปิดการเยี่ยมผู้ต้องขังได้อย่างปกติ เนื่องจากในวันอังคารที่ 6 ก.ย. ตรงกับวันที่ 8 เซาวัล ซึ่งเป็นวัน “ฮารีรายอแน” ที่จะมีญาติมาเยี่ยมและนำเอาอาหารที่ได้เตรียมไว้มามอบให้ญาติพี่น้องที่ถูกขังในเรือนจำให้สามารถรับประทานอาหารได้อย่างที่คนภายนอกรับประทาน
ในทัศนะอิสลามวันสำคัญในศาสนาอิสลาม วันอีฎ หรือวันเฉลิมฉลองในอิสลามมีเพียง 2 ช่วงเวลาเท่านั้น คือ วันอีฎิลฟิตรีย์ (วันฉลองหลังจากถือศีลอดเดือนรอมฎอน) และวันอีฎิลอัฎฮาย์ (วันฉลองตรงกับวันที่ประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ)
ชาวมลายูมุสลิมปาตานีในพื้นที่เรียกว่า “ฮารีรายอแน” วันฉลอง 6 วัน หมายถึงการฉลอง เลี้ยง สังสรรค์ หลังจากที่ประกอบภารกิจถือศีลอด 6 วันในเดือนเซาวัลเสร็จสิ้น
ดังนั้นฮารีรายอแน ไม่ได้เป็นประเพณีหรือวันสำคัญในอิสลามแต่อย่างใด
แล้วรายอแนเกิดขึ้นเพื่ออะไร?
รายอแน ไม่ได้มีกำหนดในตารางปฏิทินวันสำคัญในอิสลาม มีทัศนะที่ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดวันดังกล่าว หรือเรียกรายอแนว่าเป็นสิ่งที่บิดอะห์(สิ่งที่อุตริขึ้น) แต่ “รายอแน” ไม่ได้เป็นศาสนกิจที่ทางศาสนาอิสลามกำหนดไว้แต่อย่างใด แต่เป็นกุศโลบายหนึ่งที่ผู้รู้ในอดีตได้กำหนดไว้เพื่อให้ใช้วันหลังจากถือศีลอด 6 วันในเดือนเซาวัล เป็นวันที่จะให้ประชาชนร่วมกันออกไปเยี่ยมกูโบร์ โดยรูปแบบที่ออกมาเป็นการทำความสะอาดกูโบร์ เมื่อเราดูแล้วมันย่อมเป็นกิจกรรมสามารถทำได้ในวันปกติทั่วไป แต่ด้วยแนวคิดของผู้รู้ในอดีตไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อทำความสะอาดแต่เพียงอย่างเดียว เราสามารถมองเห็นถึงความร่วมมือในการทำกิจกรรมร่วมในวันดังกล่าวด้วย
การกำหนดในวันรายอแน เป็นกุศโลบายที่กำหนดเพื่อประชาชนมีความร่วมมือ แสดงให้เห็นว่าในอดีตความร่วมมือ ความเป็นหนึ่งเดียวของสังคม ชุมชน ขาดหายไป จึงมีความจำเป็นที่จะต้องกำหมดวันหนึ่งวันใดที่สามารถให้คนในชุมชนออกมาร่วมแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งปัญหาการขาดความเป็นน้ำหนึ่งไม่ได้มีเฉพาะในอดีต หรือในประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว ปัจจุบันก็ยังคงมีให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างแนวคิดลัทธิทางศาสนา อำนาจ การเมืองการปกครอง
และ รายอแน คงไม่ใช่เฉพาะเพื่อการสนับสนุนให้ประชาชนออกมาแสดงความเป็นน้ำหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อได้ออกมาเยี่ยมกูโบร์แล้ว ทำให้ผู้ที่ออกมาเยี่ยมได้รำลึกถึงความตาย สิ่งที่มนุษย์ทุกคน และสิ่งมีชีวิตทุกประเภทต้องพบเจอกับวันดังกล่าวอย่างแน่นอน นี่นับง่าเป็นสิ่งที่ผู้รู้ในอดีตให้ความสำคัญลำดับต้นๆ
ในความเป็นอิสลามสังคมมลายูปาตานีเมื่ออดีต ย่อมมิได้สมบูรณ์แบบตามต้นฉบับ ส่งผลให้เหล่าอูลามา(ผู้รู้ในเรื่องศาสนาอิสลาม) มีบทบาทในการกำหนดทิศทางของสังคมมลายู สังคมที่ในอดีตเมื่อมีปัญหาหรือข้อขัดแย้งที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา อูลามา ผู้รู้จะเป็นที่พึ่งและทางออก ผู้ซึ่งที่ชาวบ้านในสังคมมลายูมุสลิมให้ความเคารพนับถือ และให้การยอมรับในคำตัดสินชี้ขาดในประเด็นปัญหาทางศาสนา
ปัจจุบันการให้ความเคารพนับถือ และการกำหนดสถานะของเหล่าอูลามาในสังคมมลายูมุสลิม ถูกลดระดับลง เป็นเพียงผู้ที่คอยสอนอยู่ในรั่วสถานบันปอเนาะ ออกมาละหมาดซานาซะห์(ละหมาดให้ผู้ที่เสียชีวิต) แต่เพียงอย่างเดียว
ผู้ที่สามารถชี้นำ หรือกำหนดทิศทาง ในสังคมมลายูมุสลิมในปัจจุบันนี้ได้ เป็นคนกลุ่มใด การให้ความยอมรับของชาวบ้าน หรือประชาชนในพื้นที่มีมากน้อยแค่ไหนต่อกลุ่มที่ออกมาแสดงตนว่าเป็นผู้นำ
การโยนโถ ด่าว่า กล่าวหาเหล่าอูลามา โดยขาดความนึกคิด ไตร่ตรองให้ดีถึงเป้าหมายที่แท้จริงของกิจการงานทางศาสนาที่มาจากการกำหนดของเหล่าอูลามาได้วางไว้นั้น ท่านเองจะกลับเป็นผู้มาสร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้น คือ ความขัดแย้งในกลุ่มอิสลามิกชนกันเอง
เราลองหันกลับไปมองในสิ่งที่ผู้รู้ในอดีตได้กำหนดและระบุไว้ ว่าเพื่อสิ่งใด ที่ทำให้ท่านเหล่านี้ต้องคิดกุศโลบายต่างๆออกมา ท่านทำเพื่อตนเอง หรือเพื่อสังคม ชุมชนมุสลิม
แสดงให้เห็นว่าการที่ผู้ต้องขังในเรือนจำเรียกร้องให้ทางเรือนจำเปิดเยี่ยมในวันนี้ และญาติสามารถมาเยี่ยมได้ทันที่ ทั้งที่เมื่อวานเพิ่งเกิดเหตุรุนแรงขึ้นภายในเรือนจำ สะท้อนว่าวันรายอแน เป็นอีกวันหนึ่งที่มีความสำคัญต่อชาวมลายูมุสลิมในพื้นที่ ขนาดที่ทำให้ “คนใน” เรือนจำต้องร้องขอให้เปิดเยี่ยม
“รายอแน” เป็นวันสำคัญของมลายูมุสลิมปาตานี
และฝากไปยังผู้ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง และกำลังขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในสังคมมลายูมุสลิมในพื้นแผ่นดินนี้ การหักดิบ จะทำให้ผู้ที่เสียมากที่สุดคือประชาชน และตัวท่านเองก็ คือ ประชาชน