Skip to main content
ไชยยงค์ มณีพิลึก
 
ปรามน้ำมันเถื่อนล้มเหลว คำสั่ง ศอ.บต. ไม่ขลัง ผวจ.ศุลกากร ไม่ทำตาม ปล่อยน้ำมันทะลักเข้าประเทศอื้อ อ้างนายทุนหนุนกองทัพมดปิดด่าน

จากกรณีที่ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดเผยว่าขบวนการก่อความไม่สงบ ได้รับเงินสนับสนุนในการแบ่งแยกดินแดนจากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน และยาเสพติดในภาคใต้ จึงมีนโยบายให้หน่วยงานต่างๆ เช่น ศุลกากร สรรพสามิต ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมมือกันสกัดกั้นตามแนวชายแดน และจับกุม ผู้ลักลอบน้ำเข้านำมันเชื้อเพลิงจากประเทศเพื่อนบ้าน และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต ) ได้มีคำสั่งให้ ผวจ.ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็น ผู้รับผิดชอบในการประสานงานกับหน่วยต่างๆในแต่ละจังหวัด เพื่อกวดขัน จับกุม ผู้ค้าน้ำมันเถื่อนใน 5 จังหวัด ซึ่ง”เดลินิวส์” ได้รายงานข่าวมาโดยตลอดนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสกัดกั้นและจับกุมน้ำมันเถื่อน จากกลุ่มนายทุนที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งน้ำมันเบนซิน และ ดีเซล ตามคำสั่งของนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ผลดีอยู่เพียง 15 วัน โดยสามารถ โดยรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน ซึ่งเป็นรถกรับะดัดแปลงติดแท็งบรรทุกน้ำมัน คันละ 3,000 ลิตร รวมทั้งรถบรรทุกน้ำมันชนิด 6 ล้อ และ 10 ล้อ จำนวน 500 กว่าคัน หยุดการขนน้ำมันเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ประเทศได้ภาษาน้ำมันเพิ่มขึ้นวันละหลายล้านบาท แต่ปรากฎว่า ขณะนี้ ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนทั้งหมด ได้นำรถบรรทุกดัดแปลงเข้าไปขนน้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเดิมอีกครั้ง โดยที่ จ.นราธิวาส มีการขนผ่านเข้ามายังทางชายแดน อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ และ อ.แว้ง ส่วนที่ จ.สตูล ขนผ่านทางชายแดนบ้านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล และ จ.สงขลา ผ่านทางชายแดน ต.สำนักขาม ต.ปาดังเบซาร์ และ ต.ประกอบ สำหรับ จ.สงขลา เป็นขบวนการของนายทุนจาก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุน แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดน

พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน. กล่าวว่า ปัญหาการค้าน้ำมันเถื่อน เป็นภัยทับซ้อนที่สร้างความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนใน 5 จังหวัดเชื่อมโยงกันทั่วถึง และเงินจำนวนหนึ่งถูกส่งให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดน จากการตรวจสอบในทางลึกพบว่า ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเชื่อมโยงเป็นกลุ่มเดียวกับขบวนการค้ายาเสพติด จึงขอให้เจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆในพื้นที่ เช่น ศุลกากร สรรพสามิต ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง ช่วยเหลือในการสกัดกั้น จับกุม เพราะลำพังกำลังของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า อย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมด เพราะกำลังของ กอ.รมน. มีภารกิจหลัก คือการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน และปราบปรามขบวนการแบ่งแยกดินแดน กอ.รมน.มีหลักฐานชัดเจนว่า การก่อการร้ายหลายครั้ง เกิดจากการเข้าจับกุมน้ำมันเถื่อน และยาเสพติด โดยนายทุนที่อยู่เบื้องหลังว่าจ้างให้”แนวร่วม” ก่อความไม่สงบ เพื่อตอบโต้ เจ้าหน้าที่ แต่ถ้าเรากลัว ไม่จับกุม เท่ากับปล่อยให้ขบวนการนี้เติบโต และจะเป็นภัยความมั่นคงที่ใหญ่กว่าเดิม

ในขณะที่นายภาณุ อุทัยรัตน์ เปิดเผยว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับ ผวจ.และ ศุลกากร ตำรวจ ไม่ฟังคำสั่งของ ศอ.บต. ยอมรับว่า หนักใจในการแก้ปัญหา เพราะ ผวจ.ทุกจังหวัดจะรายงานว่า ไม่มีการค้ารายใหญ่เป็นการค้าของชาวบ้านทั่วไป ทำให้ ศอ.บต. ไม่มีพยาน หลักฐาน ในการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ เมื่อ ผวจ.และ ศุลกากร ยังปล่อยให้มีการขนน้ำมันเถื่อนเข้ามาอย่างเดิม ศอ.บต. คงต้องปรับวิธีการ ตั้งคณะทำงานที่เป็นของ ศอ.บต. เข้าตรวจสอบ ติดตามการทำหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งบกพร่องต่อหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมีบางส่วนที่รับ”ส่วย” จากกลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อน

ในขณะที่นายวิญญู ทองสกุล ผวจ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่มีการขนน้ำมันเถื่อนเข้าสู่ประเทศมากที่สุด เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากร ได้รายงานว่า หากมีการสกัดกั้น ผู้ค้าน้ำมันเถื่อน นายทุนที่อยู่เบื้องหลัง จะนำกองทัพมด ที่มีหน้าที่ขนน้ำมันเถื่อน จากประเทศเพื่อนบ้านให้กับนายทุน ล้อมที่ทำการศุลกากรเพื่อสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น ตนจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า จะปล่อยให้มีการค้าน้ำมันเช่นเดิม หรือจับกุม โดยให้อยู่ในดุลพินิจของด่านศุลกากรแต่ละแห่ง

ในขณะที่หน่วยข่าวจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า รถบรรทุกที่ขนน้ำมันเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากขนน้ำมันเถื่อนแล้ว ยังมีการซุกซ่อน ใบกระท่อม เข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยใบกระท่อมทั้งหมดถูกส่งไปขายให้กับ นายทุนใน จ.ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส เพื่อเป็นส่วนผสมในการผลิตยาเสพติด สี่คูณร้อย เพื่อขายให้กับผู้เสพในพื้นที่ สำหรับใบกระท่อมที่ปลูกในประเทศเพื่อนบ้านมีจำนวนมาก และเป็นชนิดที่มีก้านสีแดง ซึ่งมีฤทธิ์ความมึนเมามากกว่าในประเทศไทย และใบกระท่อมในมาเลเซียไม่ผิดกฎหมาย นายทุนจากฝั่งไทย จึงร่วมมือกับนายทุนในฝั่งมาเลเซียเป็นเอเย่นต์จำหน่ายให้กับผู้ต้องการ ส่วนรถขนน้ำมันเถื่อน สามารถนำใบกระท่อมผ่านจุดตรวจของ ตำรวจ และ ศุลการกร อย่างปลอดภัย เพราะรถที่ขนน้ำมันเถื่อน ไม่ถูกตรวจค้น เนื่องจากจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ รับ ส่วย น้ำมันเถื่อนและได้ทำบัญชีทะเบียนรถเอาไว้แล้ว จึงไม่มีการตรวจค้น จึงทำให้ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ค้าทั้งน้ำมัน และ ใบกระท่อม ในเวลาเดียวกัน