เสียงสะท้อนจากคนมลายู...ในกรุงเทพ
เรื่องโดย
suara Keadilan
ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา คงไม่มีใครรู้เบื้องลึกว่า การจับผิด จับไปขังแล้วซ้อม ขังลืมเป็นปีๆ และในที่สุดพบว่าผิดตัวต้องปล่อยกลับบ้าน เรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา จนชาวบ้านทนไม่ไหวอีกแล้ว ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเริ่มรู้สึกว่าพวกเขากำลังตกเป็นเหยื่อ นับวันยิ่งเชื่อถือกระบวนการยุติธรรมไม่ได้
ทำอย่างไร ระบบการกลั่นกรองก่อนการจับกุม หรือตั้งข้อหาจะละเอียดรอบคอบกว่านี้ การจับผิด หรือ ”แพะ” เป็นหนึ่งในวิกฤตที่น่ากลัวเหลือเกิน มันทำให้ทัศนคติที่มีต่อภาครัฐเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ในนามของกฎหมายผมคิดว่ารัฐต้องมีความรู้ลึก รู้รอบกว่าที่เป็นอยู่ทุกข่าวสารข้อมูลต้องการการตรวจสอบอย่างเป็นธรรมที่สุด ก่อนจะสั่งจับใครสักคน ก่อนจะเหนี่ยวไกปืนฆ่าประชาชน(ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์)
เพียงจับผิดเราก็เห็นกันอยู่ว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นมากมายแค่ไหน ยิ่งในมิติทางอารมณ์และผลพวงที่กระทบกระแทกความรู้สึก แล้วถ้ายิงผิด คิดดูว่าความตายอยุติธรรมนั้นจะเกิดแรงเหวี่ยงทางความอาฆาตกว้างไกลเพียงไร ใช่หรือไม่ว่าข้อบกพร่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหล่านี้สะสมบ่มเพาะจนเป็นปรากฏการณ์ “ตายสิบ เกิดแสน” ซึ่งหมุนกลับมาเป็นชนวนในหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านมา และขยายวงไปสู่สงครามรายวันที่รัฐหาทางออกไม่เจออยู่จนทุกวันนี้
ทางฝ่ายรัฐเองเคยมีข้อมูลหรือรับผิดชอบบ้างไหมว่าสถานภาพหรือความเชื่อมั่นทางสังคมของเขาจะเป็นอย่างไร เหนืออื่นใดเวลาที่สูญหายไป การงานหรือเงินทองที่เคยมีสภาพคล่องย่อมได้รับผลกระทบโดยตรง นี่คือผลพวงแห่งความไร้ประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมโดยแท้ ในทัศนคติของผม ผมคิดว่า “ถ้ารัฐไม่แก้ความรุนแรงด้วยความยุติธรรม ให้แก้อีกร้อยปี ก็อย่าหวังว่าจะหยุดความรุนแรงนั้นได้”