แถลงการณ์มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม
กรณีเหตุการณ์ที่ตำบลปุโละปุโย
อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
จากเหตุการณ์ทหารพรานยิงรถกระบะคันหมายเลขทะเบียน บท ๓๑๐๕ ปัตตานี กำลังเดินทางไปร่วมละหมาดมายัต (พิธีละหมาดศพผู้นับถือศาสนาอิสลาม) จนเป็นเหตุให้คนแก่และเยาวชนที่โดยสารในรถยนต์คันดังกล่าวเสียชีวิต ๔ ราย และได้รับบาดเจ็บ ๔ ราย เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๕ เวลาประมาณ ๒๐.๓๐ น. ที่หมู่ที่ ๑ ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี นั้น ทางมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ในฐานะองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอแสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และขอประณามผู้ที่กระทำจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ ทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย
จากกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะต้องแยกเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ เมื่อเวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม ๗๙ ยิงใส่ฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ ๔๓๐๒ ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านน้ำดำ หมู่ที่ ๒ ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นคนละเหตุการณ์ที่ทหารพรานยิงรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน คันหมายเลขทะเบียน บท ๓๑๐๕ ปัตตานี เพราะเหตุการณ์ยิงฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ ๔๓๐๒ กับเหตุการณ์ยิงใส่รถยนต์กระบะคันหมายเลขทะเบียน ๓๑๐๕ ตั้งอยู่คนละหมู่บ้านและเกิดขึ้นคนละช่วงเวลา จากการที่มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมได้สอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ได้ความว่า ชาวบ้านที่ถูกยิง กำลังเดินทางจากจากหมู่บ้าน กาหยี (ตันหยงบูโละ) หมู่ที่ ๑ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เพื่อจะไปละหมาดมายัตยังมัสยิดบ้านตอโป หมู่ที่ ๔ ตำบลตะลิปะสาโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งการละหมาดมายัต เป็นพิธีกรรมทางศาสนาในการจัดการศพก่อนนำไปฝั่งซึ่งช่วงเวลาที่ญาติของผู้ตายกำหนด แต่เนื่องจากทางออกของหมู่บ้านมีสองทางคือทางที่ต้องผ่านฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ ๔๓๐๒ ที่เกิดเหตุมีการยิง เอ็ม ๗๙ ถล่ม กับทางด้านหน้าหมู่บ้าน รถคันดังกล่าวจึงได้หลีกเลี่ยงและเลือกใช้เส้นทางดังกล่าวแม้ระยะทางจะไกลแต่เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ในขณะที่นายยา ดือราแม ผู้ขับรถยนต์กำลังขับรถยนต์จะขึ้นเนินได้มีทหารพราน เรียกให้หยุดรถ และได้สอบถามว่าจะไปไหน ทันใดนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นอีกชุดหนึ่งใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่คนในรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บท ๓๑๐๕ เป็นเหตุทำให้คนที่อยู่ในรถต้องวิ่งหลบหนีกระสุนปืนเพื่อเอาตัวรอด จนเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นข้อมูลในพื้นที่จากการสอบข้อเท็จจริงจากผู้อยู่ที่ร่วมในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่แตกต่างกับทางโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ได้มีการแถลงทางสื่อมวลชน
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจึงขอเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังมีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ และได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่ยังมีความรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ และความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งบุคคลเหล่านั้นล้วนเป็นบุคคลที่มีอายุมากและเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ การที่หน่วยงานของรัฐรีบด่วนออกมาแถลงและสรุปโดยรับฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติฝ่ายเดียว ย่อมไม่เป็นธรรมต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนในพื้นที่ และต้องใช้ชิวิตอยู่อย่างหวาดระแวงต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจึงขอเรียกร้องต่อผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ ผู้บังคับบัญชาและผู้ที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวว่ามีความเหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อย่างไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเหตุการณ์แรกแต่ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ อีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำนองนี้ และเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ล้วนแต่เป็นการสร้างเงื่อนไขของเจ้าหน้าที่ต่อประชาชนในพื้นที่ เมื่อเป็นดังนี้ความสงบในพื้นที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม
๓๑ มกราคม ๒๕๕๕