๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕
แถลงการณ์
เรียกร้องทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง
กรณีคนร้ายประมาณ ๑๖ คน ใช้รถกระบะเป็นพานะใช้อาวุธสงครามยิงทหารราบที่ ๑๕๓๒๒(ร้อย ร.๑๕๓๒๑) หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ๒๕ บนทางหลวงหมายเลข ๔๐๖๑ มายอ- ปาลัส บ้านดูวา หมู่ ๓ อำเภอมายอ ปัตตานี ขณะกำลังเดินทางกลับฐานปฏิบัติการ เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ จนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต ๔ นายและบาดเจ็บ ๒ นาย ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง ๓ วันหลังการลอบวางระเบิดรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจบนถนนสายบ้านอูเป๊าะ-บ้านปากาซาแม หมู่ 7 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ๕ นายเมื่อวันพุธที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๕
การก่อเหตุร้ายเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ ๒๘ แสดงให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุมีเจตนากระทำการในพื้นที่ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพขณะเกิดเหตุ จนเป็นที่เศร้าสลดใจแก่ผู้ติดตามข่าวสถานการณ์ดังกล่าวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ชมส่วนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กและเยาวชน อีกทั้งลักษณะการก่อเหตุเป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม
มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทุกคน และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันต่อต้านและแสดงการคัดค้านการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา มูลนิธิฯตระหนักว่าปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมาเกือบ ๙ ปี ได้ทำลายความเชื่อมั่นในหลักนิติธรรมของประเทศไทยอย่างรุนแรง มีการใช้ความรุนแรงตามอำเภอใจโดยไม่ใส่ใจต่อระบบกฎหมาย สภาวะดังกล่าวสร้างความหวาดกลัวให้เกิดกับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง กรณีความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงควรถูกให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นในการบริหารประเทศของรัฐบาล โดยเฉพาะนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ควรเป็นผู้นำและเป็นผู้รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง มูลนิธิฯมีข้อเรียกร้องต่อ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี รัฐบาล รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายดังนี้
๑. ทุกฝ่ายต้องเคารพกฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายมนุษยธรรม และหลักนิติธรรม ควรมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และไม่ปล่อยให้มีการลอยนวลผู้กระทำผิด
๒. รัฐบาลต้องนำนโยบายการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของสภาความมั่นคงแห่งชาติมาใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้เห็นต่างจากรัฐสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระและใช้สันติวิธี โดยไม่ถูกหวาดระแวงเพื่อนำไปสู่การพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน
๓. สื่อมวลชนซึ่งมีหน้าที่ในการนำเสนอข่าว ควรนำเสนอภาพเหตุการณ์ความรุนแรงด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง เสรีภาพสื่อต้องอยู่บนพื้นฐานของเคารพสิทธิของเหยื่อ และไม่ควรตอกย้ำความสูญเสียและความรุนแรงซึ่งอาจก่อให้เกิดความเคียดแค้นต่อกันมากขึ้น
มูลนิธิฯเชื่อมั่นว่า สันติภาพที่ยั่งยืนไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยปราศจากความร่วมมือจากพลเมืองทุกคน โดยเฉพาะผู้อาศัยในพื้นที่ขัดแย้ง ที่จะต้องกล้าที่จะก้าวผ่านความกลัวในการออกมาเรียกร้องเพื่อให้ทุกฝ่ายยุติการความรุนแรง ในฐานะที่ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศนี้ร่วมกัน